หลังจากเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศบาสเกตบอล NBA ที่เรียกกันว่า “The Finals” ระหว่างตัวแทนตะวันออกแชมป์สูงสุดของลีก อย่าง “บอสตัน เซลติกส์” ชนกับตัวแทนตะวันตกฟอร์มแรง อย่าง “ดัลลัส แมฟเวอริกส์”
โดยเป็นยักษ์เขียวตะวันออกที่สามารถนำซีรีส์ได้ในตอนนี้ 3 – 0 ในกติกา “Best of 7 Series” ที่เคยทำเนื้อหาเอาไว้แล้วทาง SUM UP หากสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 4 เกมส์ก่อน อาจส่งผลให้บอสตันมีโอกาสคว้าถ้วยแชมป์ไปครองได้ก่อนและเป็นการจบฤดูกาลของบาสเกตบอล NBA อย่างเป็นทางการไปได้
แม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกในการรับชมการขับเคี่ยวกันในรอบชิงลีกที่เข้มข้น กลับกลายมีเรื่องสุดช็อกของวงการ และเป็นข่าวที่น่าเสียใจเป็นอย่างมากของวงการลีกบาสเกตบอล NBA
ในคืนวันพุธที่ 12 มิถุนายน เมื่อสื่อชื่อดังหลายเจ้าในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มทยอยลงข่าวถึงการจากลาของหนึ่งในตำนานบาสเกตบอลอย่าง “เจอร์รี่ เวสต์” ในวัย 86 ปี เขาคือหนึ่งในบุคคลที่เป็นต้นแบบในการเป็นโลโก้แบรนด์ของลีก NBA ชายที่กำลังเลี้ยงลูกบาสบน 3 สี แดง น้ำเงิน และขาว มีต้นแบบมาจากการเล่นของเขาในสมัยที่ยังเป็นนักกีฬา
และยิ่งกว่าการเป็นตำนานบาสเกตบอลของวงการแล้ว ในช่วงที่เกษียณจากวงการเขายังเป็นที่ปรึกษาของสโมสรในลีกมากมาย หากยกตัวอย่างผลงานที่มีชื่อเสียงของปู่เวสต์คือการชักจูง “แชคีล โอนีล” ให้มาร่วมทีม “ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส” ที่กำลังจะดึงดาวรุ่งเข้ามาเล่นร่วมกันกับ “โคบี้ ไบรอันต์” เป็นตำนานของลีกที่น่าจดจำในยุค “Y2K” และการเป็นเบื้องหลังสรรสร้างสุดยอดทีมขวัญใจมหาชนยิงไกลอย่าง “โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส” ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คืออิทธิพลที่ยิ่งใหญ่มากมายของชายคนนี้ วันนี้เรามาทำความรู้จักเรื่องราวและสดุดีต่อการจากลาของที่สุดแห่งตำนานของ NBA กันครับ
🏀 เก่งกาจจนเป็นสัญลักษณ์
หากย้อนกลับไปในยุค “’60s – ’70s” ที่เป็นยุคเก่าแก่ของ NBA โดยก่อนหน้านี้ทางลีกยังไม่มีสัญลักษณ์ที่จะเป็นโลโก้แบรนด์ของตัวเอง และมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนี้จากกีฬาร่วมประเทศอย่าง “เบสบอส” ที่ลีก MLB มีรูปนักกีฬาหัวไม้สีขาว ขนาบควบคู่กับสีพื้นหลังน้ำเงินและแดง เพื่อแสดงถึงชาติของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ในปี 1969 “อลัน ซีเกิล” ผู้รับหน้าที่ในการออกแบบของโลโกของลีกจึงตามหาคนที่เหมาะสมสำหรับการนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์สำคัญ โดยในปีนั้นหากจะมองหาผู้เล่นสักคนที่จะเหมาะสมต่อสิ่งนี้ คงไม่มีใครจะลงตัวและใช่สำหรับการนำมาเป็นสัญลักษณ์เท่ากับ “เจอร์รี่ เวสต์” อีกแล้ว
โดยเวสต์ถูกดราฟท์เป็นอันดับ 2 ในปี 1960 โดยทีมย่านเกิดตัวเองอย่างลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ใน 2 ปีแรกของเขามีผลงานพาทีมทะลุเข้าชิงได้ในฤดูกาล 1961/62 แม้จะไม่สามารถต่อกรได้กับบอสตัน เซลติกส์ที่มีสุดยอดผู้นำทีมในตำนานอย่าง “บิล รัสแซล” แต่ในผลงานส่วนตัวของเวสต์ เขากลายเป็นผู้เล่นทีมอันดับหนึ่งของลีกถึง 6 ปีติด และยังเป็นผู้เล่นตำแหน่งการ์ดที่ยิง 3 แต้มจากระยะไกลดั่งมือปืนที่สามารถทำแต้มได้เกือบทุกระยะของสนามยาวนานถึง 11 ฤดูกาลติดกัน ส่งผลให้เขามีฉายาดังในนาม “Mr. outside”
ด้วยเหตุนี้ถึงส่งผลให้ซีเกิลได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของเวสต์ เขาชื่นชอบหนึ่งในภาพของเวสต์คือการลากเลี้ยงบอลลูกส้ม เป็นสรีระที่สง่างดงามและคู่ควรต่อการนำมาเป็นแรงบันดาลใจสำหรับโลโก้นี้ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโลโก้ลีก NBA ที่เราคุ้นตากันดีในทุกวันนี้
แม้จะได้รับเกียรติทรงคุณค่าในการได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าตาลีก แต่อันที่จริงโลโก้นี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยว่าจริงๆแล้วคือใคร ด้วยกลยุทธทางเชิงพาณิชย์ และแน่นอนว่าหากใครที่ได้เห็นรูปลักษณ์นี้ยังไงก็ทำให้นึกถึงเวสต์ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน แม้กระทั้งเจ้าตัวเองก็ทราบว่านี้คือรูปของตน และกลายเป็นว่าเขาเองก็ไม่ได้ชื่นชอบมันสักเท่าไหร่ ด้วยมุมมองที่ว่ามันดูเป็นการถูกออกในหน้าสื่อจนเกินไป โดยที่เขาไม่ได้สนใจในสิ่งนี้ แม้จะไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้อย่างหนักหนา แต่ก็ทำให้ได้รู้ว่าปู่เวสต์เองก็มีความเป็น “อินโทรเวิร์ต” แฝงลึกในตัวตนเช่นกัน
🏀 ผู้สร้างเลเกอร์สสามแชมป์ และตำนานลีกอย่างโคบี้
หนึ่งในผู้เล่นตำนานที่จากไปแล้ว แต่ยังคงเป็นที่จดจำในใจแฟนบาสทุกคนอย่าง “โคบี้ ไบรอันต์” เอง ก็ถูกวางเส้นทางขึ้นจากชายที่ชื่อเจอร์รี่ เวสต์เป็นผู้ตัดสายสะดือสู่การเข้ามาโลดแล่นในลีก NBA ที่พวกเรารู้จัก
หลังจากเลิกการลงเล่นในสนามแล้ว เวสต์ได้ผันตัวมารับหน้าที่ในการเป็นโค้ชข้างสนาม แม้จะไม่ได้โดดเด่นในด้านของผลงาน แต่เขาก็ถูกผันตัวขึ้นไปสู่ตำแหน่งระดับผู้บริหาร และได้กลับมาร่วมงานกับทีมที่สร้างให้เขาเป็นตำนานอีกครั้งอย่างทีมเลเกอร์ส
หลังจากที่มีการประกาศของตำนานทีมอย่าง “เออร์วิง แมจิค จอห์นสัน” ที่ต้องยุติการลงเล่น NBA เนื่องจากการมีเชื้อ HIV ในช่วงต้นยุค ’90 ส่งผลให้ทีมต้องปรับโครงสร้างทีมใหม่หลังจากการสูญเสียผู้เล่นคนสำคัญจากทีม และเวสต์ก็เป็นรองประธานสโมสรในขณะนั้นด้วยเช่นกัน
ส่งผลให้เขาออกไปเฟ้นตัวตามหาผู้เล่นที่จะเป็นตัวแทนของแมจิคในอนาคต ด้วยประสบการณ์และแนวทางที่เวสต์สนใจ เขาเสนอให้มีการเลือกนำเอาตำแหน่งเซนเตอร์ที่กำลังมีผลงานร้อนแรงอย่าง “แชคีล โอนีล” เขามาสู่ทีม และได้เห็นศักยภาพของเด็กมัธยมที่มีวิธีการเล่นเทียบเคียงกับผู้เล่นระดับ NBA อย่าง “โคบี้ ไบรอันต์”
แม้ช่วงแรกในการดึงสองสุดยอดผู้เล่นเข้ามาจะไม่ลงตัวด้วยความทะนงตนของทั้งโอนีล และโคบี้ ที่มีปัญหากันในวิธีการเล่น เวสต์ด้วยความเป็นอดีตรุ่นพี่ของลีกด้วยประสบการณ์ในอาชีพที่สามารถถ่ายทอดสู่รุ่นน้องทั้งสองได้ ทำให้พวกเขาค่อยๆเติบโตจากวุฒิภาวะและวัยในอาชีพที่ค่อยๆสะสมประสบการณ์เพิ่มขึ้นไป และเพื่อให้เข้าสู่ความสำเร็จจึงไปโน้มน้าวดึงยอดโค้ชผู้พาชิคาโก บูลล์คว้า 3 แชมป์ที่ 2 ครั้งอย่าง “ฟิล แจ็คสัน” เข้ามาร่วมทีม
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานต้นยุค 2000 ของเลเกอร์สที่สร้างความยิ่งใหญ่จากสองผู้เล่นดัง ผนวกกับโค้ชที่มีฝีมืออย่างแจ็คสัน ทำให้ทีมนี้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง แม้จะเป็นช่วงสั้นแต่เส้นทางทั้งหมดก็ได้ปูขึ้นมาจากการบริหารส่วนนึงของเวสต์ที่ดึงให้ทุกอย่างของเลเกอร์สมีความลงตัวขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นการเป็นตำนานของเลเกอร์สอย่างโคบี้ คงขาดชายผู้นี้ที่เห็นศักยภาพของเขาและเชื่อว่าโคบี้คือคนที่จะเข้ามาเป็นตำนานของลีกได้ เบื้องหลังนี้ยังคงตราตรึงในใจของโคบี้ที่หากเวสต์ไม่ได้เลือกเขา ก็คงไม่มีโคบี้ที่เป็นตำนานของลีกมาได้ถึงบัดนี้
🏀 เชื่อในผลลัพธ์จนเป็นนักรบ 3 แต้ม
โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์สทีมที่น่าตื่นตาตื่นใจมากสุดของลีก มีทุกวันนี้ได้ด้วยชายผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเวสต์
โดยการบริหารทีมจากคู่หู “ปีเตอร์ กูเบอร์ และ โจ ลาคอบ” ที่เข้ามาซื้อทีมในปี 2010 จากทีมที่ถูกจดจำจากการร้างแชมป์ พวกเขาลงทุนเพื่อยกศักยภาพทีมเพื่อกลับไปทวงบังลังก์ความสำเร็จอีกครั้ง โดยหนึ่งในคนที่พวกเขามองถึงศักยภาพในการสร้างทีมลุ้นแชมป์ได้ พวกเขานึกถึงเวสต์ขึ้นมาเป็นอันดับแรก ด้วยที่เวสต์เองก็เป็นนักบาสในดวงใจของลาคอบเช่นกัน
หน้าที่หลักของเวสต์ไม่ได้มีส่วนต่อการบริหารเหมือนตอนอยู่ที่เลเกอร์ส เขาจะเน้นในการออกความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการทำทีมบาสเกตบอล ไม่ไปล่วงเกินกับส่วนบริหารด้านอื่นๆของทีม แต่จะคอยให้คำปรึกษาและเสนอต่อส่วนบริหารของทีมไปพิจารณาเพื่อดำเนินงานต่อไป
ผลงานที่เกิดขึ้นคือการเลือกดึง “สเตเฟ่น เคอร์รี่” ขวัญใจของทีมในสมัยเป็นยังเป็นดาวรุ่ง ให้เป็นโครงสร้างหลักของทีม และผลงานสำคัญของเขาคือการเลือก “เคลย์ ทอมสัน” คู่หูของเคอร์รี่ที่สร้างปรากฏการณ์ยิง 3 แต้มมากสุดในประวัติศาสตร์ก่อนทั้งคู่จะสามารถดันให้วอร์ริเออร์สกลายเป็นแชมป์มหาอำนาจของลีกได้
เหตุที่เลือกทอมสันด้วยที่ว่าพ่อของเคลย์เคยเป็นอดีตผู้เล่นของเลเกอร์ส และเวสต์มองถึงรูปแบบศักยภาพในการทำแต้มยิงไกลของเคลย์ ร่วมถึงยุคสมัยที่มีการวิจัยเรื่องการทำแต้มจากระยะไกลมีผลต่อผลชนะของทีม ส่งผลให้นี้จึงเป็นตัวเลือกที่ลงตัวที่ปู่เวสต์ได้มอบทิ้งเอาไว้ให้กับนักรบสะพานทองวอร์ริเออร์ส
แม้วันนี้จะไม่มีปู่เวสต์อยู่แล้ว แต่สิ่งดีๆที่เขาได้วางรากฐานเอาไว้จะเป็นที่หน้าจดจำต่อส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ NBA และเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนนึงของลีกที่ทำให้ NBA กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ลีกกีฬาที่มีความนิยมในอันดับต้นๆจวบจบถึงทุกวันนี้