Jurassic World, Jurassic Park, จูราสสิค เวิลด์, จูราสสิค พาร์ค, ไดโนเสาร์, Universal Studio, Jurassic World Rebirth

เป็นเวลากว่า 35 ปีที่ภาพยนตร์เฟรนไชส์ Jurassic Park และ Jurassic World ได้ครองใจเด็ก ๆ ทั่วโลก รวมถึงผู้ใหญ่ที่หลงใหลไดโนเสาร์ เพราะการฟื้นคืนชีพสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วนับสิบล้านปีได้ขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้งในภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม

รู้จักต้นฉบับนิยายที่สยองขวัญ Jurassic Park

ย้อนกลับไปในปี 1990 นักเขียนนิยายไซไฟ Michael Crichton ได้ออกหนังสือนิยายในชื่อ Jurassic Park เป็นเรื่องราวของเศรษฐีชาวอังกฤษ John Hammond ผู้ที่อยากจะสานฝันตัวเองโดยการใช้อำนาจทางพันธุวิศวกรรมคืนชีพไดโนเสาร์ขึ้นมา และจัดแสดงบนสวนสนุกบนเกาะนูบลาที่อยู่ห่างไป 87 ไมล์จากชายฝั่งคอสตาร์ริก้า ที่นั่นไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ถูกรั้วไฟฟ้ากั้นท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างในยุคปัจจุบัน แต่อุบัติเหตุในการกักกันสัตว์ทำให้ John ต้องเชิญนักบรรพชีวินและนักคณิตศาสตร์มาช่วยรับรองว่าสวนนี้ปลอดภัยก่อนจะเปิดทำการ และการจัดทัวร์เล็ก ๆ นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความหายนะของสวน Jurassic Park ที่เปลี่ยนให้สวนสนุกกลายเป็นฝันร้าย เมื่อคณะเดินทางต้องเอาตัวรอดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและหลงเข้าไปอยู่ในเกาะที่เต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ร้ายที่มนุษย์ไม่เคยรู้จัก

ตัวต้นฉบับนิยายดั้งเดิมนั้นมีความเป็นนิยายสยองขวัญสัตว์ประหลาดและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่ากลัว รวมถึงเต็มไปด้วยปรัชญาและเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นบันไดที่ปีนยากในการเสพ ฉะนั้นการจะดัดแปลงเนื้อหาออกไปสู่ตลาดสากลที่ Universal Studio ในยุคนั้นต้องการจะทำหนังฟอร์มยักษ์เพื่อต่อสู้กับบรรดาค่ายอื่น ๆ ทางค่ายและ Steven Spielberg จึงร่วมมือกับนักเขียนเองปรับให้กลายเป็นบทภาพยนตร์แนว Family Movie ที่มีการตัดทอนรายละเอียดการตายโหด ๆ พฤติกรรมสัตว์ที่ดุร้ายเกินเรตทั่วไปออก และทำให้ Jurassic Park ออกฉายได้ทันในปี 1993 จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นทันที ถือเป็นนิยายที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นเอง

มุมมองที่เปลี่ยนไปในการมองไดโนเสาร์และสิ่งมีชีวิตดัดแปลงด้วยน้ำมือมนุษย์

แม้จะเป็นการเติมเต็มความฝันของเด็ก ๆ ทั่วโลกที่คลั่งไคล้ไดโนเสาร์ และอยากเห็นพวกมันกลับมามีชีวิตให้เห็นตัวเป็น ๆ กันอีกครั้ง ซึ่งภาพยนตร์ Jurassic Park ก็สามารถสร้างมนต์ขลังนั้นได้อย่างน่าประทับใจ แต่หากเราย้อนดูในเนื้อหาหลักของนิยาย Jurassic Park ต้นฉบับ กลับวิพากษ์วิจารณ์การกระทำที่ถือเป็นการ​ “ละเมิดกฎเกณฑ์ธรรมชาติ” เอาไว้อย่างเผ็ดร้อน ผ่านตัวละคร Ian Malcom ที่เป็นหนึ่งในตัวหลักของนิยายภาคแรก และขึ้นเป็นตัวละครสำคัญในนิยายภาคต่อ The Lost World : Jurassic Park อีกด้วย

หากย้อนกลับไปในช่วงปี 1990 ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีกำลังเข้าสู่การพัฒนาให้ก้าวหน้ามากขึ้นหลังจากยุคสงครามเย็น ความหวาดกลัวต่อ “งานสร้างสรรค์ที่ไร้จริยธรรม” จึงเป็นสิ่งที่สังคมโลกในขณะนั้นให้ความพรั่นพรึง จะสามารถเห็นได้จากวรรณกรรมและภาพยนตร์ในยุคเดียวกันที่สร้างภาพความหวาดกลัวต่อ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ “สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการทดลอง” ที่เป็นเหมือนซากความเสียหายจากระบบทุนนิยมที่เห็นแก่ตัว จนนำมาสู่หายนะให้ตัวละครต่าง ๆ ได้เจอ ซึ่งไดโนเสาร์ใน Jurassic Park นั้นห่างไกลจากไดโนเสาร์ตามทฤษฎีต่าง ๆ ของนักบรรพชีวินในโลกแห่งความจริง หากแต่เป็นสัตว์ที่ดัดแปลงพันธุกรรมโดยเติม DNA ที่ขาดไปให้สมบูรณ์ ดังนั้นสัตว์ต่าง ๆ ในเรื่องจึงไม่ใช่อะไรไปมากกว่าสัตว์ประหลาดพันธุ์ผสมที่พยายามหาว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนของห่วงโซ่อาหาร

และเมื่อมนุษย์ต้องบุกตะลุยเข้าไปในดินแดนที่ไม่ใช่ของมนุษย์อีกต่อไป จึงกลายเป็นความน่ากลัวสยดสยองนั่นเอง

Jurassic World คือการตีความใหม่ในโลกที่ต้องอยู่ร่วมกับผลผลิตจากมนุษย์

ตัวนิยายที่ยังคงวิพากษ์การพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ของมนุษย์ผ่านแว่นอนุรักษนิยมของ Michael Crichton แม้จะจบลงในสองเล่ม แต่ความสำเร็จของ Jurassic Park กลับต่อยอดให้เกิดภาพยนตร์เฟรนไชส์ที่ยาวนานมาถึง 6 ภาค รวมถึงภาคที่ 7 ในชื่อ Jurassic World : Rebirth ที่กำลังจะฉายในเดือนกรกฎาคมปี 2025 นี้ โดยมีการยกกองมาถ่ายทำกันในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์ในยุคที่ 2 ที่ชื่อ Jurassic World ได้เปลี่ยนหน้าตาของความหวาดกลัวไดโนเสาร์พันธุ์ผสมให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง และเปลี่ยนให้มนุษย์ทั้งโลกคุ้นชินกับไดโนเสาร์เหล่านั้นให้มากขึ้น

สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าเมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 2010 เป็นต้นมา การพัฒนาของ “ปัญญาประดิษฐ์” รวมถึงวิทยาการต่าง ๆ จากน้ำมือมนุษย์ยังไม่ได้ส่งผลน่ากลัวและสยดสยองอย่างที่นวนิยายไซไฟในยุคก่อนหน้านั้นเขียนไว้ แต่กลับกลายเป็นปัญหาในเชิงการเมือง สังคม และการปรับตัวอยู่ร่วมกันเสียมากกว่า ในภาพยนตร์ Jurassic World ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาจึงเห็นภาพที่ตัวละครเอกทำงานร่วมกับ Veloiraptor แทนที่จะเป็นฝ่ายวิ่งหนีการล่าของมันแทน รวมถึงการตั้งคำถามว่ามนุษย์เท่านั้นหรือไม่ ที่มีสิทธิ์จะครอบครองโลก มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ ในเมื่อสัตว์เหล่านั้นเกิดขึ้นมาแล้ว พวกมันต่างก็ต้องการหนทางการมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ Jurassic World : Rebirth ยังคงหยิบยืมความน่ากลัวสยองขวัญตามนิยายต้นฉบับเดิมของ Michael Crichton กลับมาใช้ เพื่อดึงกลิ่นอายของ Jurassic Park ดั้งเดิมกลับมา ซึ่งถือเป็นการรีบูตครั้งใหม่และพาเฟรนไชส์ไดโนเสาร์นี้ให้เข้าสู่ยุคที่ 3 อย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง

AUTHOR

นักคิด นักเขียน นักสร้างคอนเทนต์ ตัวปัญหาของกระแส ชาวเกย์ผู้แปลกแยก และนักเล่าเรื่องในรูปแบบที่แตกต่าง หลงใหลวัฒนธรรม Pop ทั้งหนังสือ ภาพยนตร์ ซีรีส์และดนตรี และยังเป็นผู้กำกับอิสระ นักดนตรีและนักแต่งเพลง รวมถึงแอดมินเพจที่ประสบความสำเร็จในโซเชียลอีกด้วย เก่งซะไม่มี