กำหนดการสำคัญของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเดินทางเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการ คงหนีไม่พ้นกำหนดการพบ ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการประชุมผู้นำเอเปค 2025 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคมนี้
โดยการพบกันของ 2 ผู้นำชาติมหาอำนาจ ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถฟื้นฟูและจัดระเบียบความสัมพันธ์ด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ภายในบริบทของการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ทวีความเข้มข้นขึ้นได้หรือไม่
วันนี้ SUM UP เลยอยากพาไปสำรวจประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาหารือระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ซึ่งอาจกำหนดทิศทางใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อจากนี้
แร่หายาก
จีนมีบทบาทสำคัญในการแปรรูปแร่หายาก และด้วยมาตรการควบคุมการส่งออกของจีนทำให้ สหรัฐฯ เริ่มกังวลเรื่องความมั่นคงของการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรแร่หายาก โดยท่าทีของสหรัฐฯ ชัดเจนจากการลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับแร่หายากตลอดทั้งทริปของการเยือนเอเชีย เริ่มตั้งแต่ การลงนาม MOU แร่หายากกับไทยและมาเลเซีย ต่อด้วยการลงนามข้อตกลงกรอบความร่วมมือด้านแร่หายากกับญี่ปุ่น ขณะที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ลงนามข้อตกลงแร่หายากกับออสเตรเลียที่เป็นประเทศผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ที่สุดรองจากจีน
ท่าทีสหรัฐฯ ที่เร่งผลักดันให้ชาติพันธมิตรมีข้อตกลงโดยตรงกับสหรัฐฯ เป็นไปเพื่อกระจายขอบเขตของสิทธิ์ในการเข้าถึงแร่หายาก อีกทั้งยังสกัดกั้นอิทธิพลจีนต่อชาติพันธมิตรในด้านแร่หายากไปพร้อมกันอีกด้วย
แร่หายากนับเป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ขณะที่โลกยังต้องพึ่งพาแร่หายากจากจีนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คาดการณ์ว่า จีนจะนำมาตรการการส่งออกแร่หายากมาเป็นข้อต่อรองเพื่อลดภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ในการเจอกันครั้งนี้
สงครามการค้าและภาษีทรัมป์
ผู้นำสหรัฐฯ ขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 100% นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เพื่อตอบโต้ที่ปักกิ่งออกมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้จีนทำข้อตกลงซื้อ ‘ถั่วเหลือง’ จากสหรัฐฯ เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรในสหรัฐฯ
ระหว่างการเดินทางบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า เขามองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยคาดว่าการเจรจาอาจมีความคืบหน้าในหลายด้าน รวมถึงการค้าถั่วเหลือง “ผมคิดว่าเรามีโอกาสสูงที่จะบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมมาก” ทรัมป์กล่าว
การพบกันในวันพฤหัสนี้จะกลายเป็นตัวชี้วัดว่า มาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 100% ที่จะมีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นเพียงคำขู่ของทรัมป์เพื่อให้จีนยอมผ่อนปรนมาตรการการส่งออกแร่หายากหรือไม่
รัสเซีย-ยูเครน
ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันอีกว่า เขาต้องการให้จีนช่วยเหลือสหรัฐฯ ในการจัดการความสัมพันธ์กับรัสเซีย โดยเฉพาะในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
เป็นที่ทราบกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามวางตัวเองในฐานะ “ผู้สร้างสันติภาพโลก” แต่ก็ยอมรับว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีนั้น “ยากกว่าที่คาดไว้มาก” สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เขากลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อต้นปี สิ่งนี้สะท้อนถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงครั้งนี้ เขาอาจหยิบยกประเด็นเรื่อง การที่จีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียมาหารือ แต่ทรัมป์เสริมว่า จีนได้ “ลดปริมาณการซื้อลงอย่างมากแล้ว” ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน จีนได้ออกแถลงการณ์คัดค้านมาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหรัฐฯ ต่อสองบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่ามาตรการดังกล่าวไม่มีพื้นฐานตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ไต้หวัน
ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุก่อนเดินทางออกจากสหรัฐฯ ว่า ไต้หวันจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่เขาจะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แม้ไต้หวันจะไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่คาดการณ์ว่าจีนจะโน้มน้าวให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายการสนับสนุนไต้หวัน
ทรัมป์แสดงท่าทีชัดเจนนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นปี 2025 ว่า ไต้หวันจะต้องเพิ่มงบประมาณทางการทหาร และลดการพึ่งพาทางการทหารจากสหรัฐฯ ลง ขณะเดียวกันทรัมป์ยังมองว่า ไต้หวันยึดครองส่วนแบ่งตลาดเซมิคอนดักเตอร์มากเกินไป พร้อมกับเรียกร้องให้บริษัทชิปไต้หวันมาลงทุนในสหรัฐฯ มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ‘มาร์โค รูบิโอ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาย้ำถึงจุดยืนว่า สหรัฐฯ จะไม่ทอดทิ้งไต้หวันเพื่อแลกกับข้อตกลงการค้าหรือแร่หายากกับจีนอย่างแน่นอนในการเจรจาครั้งนี้
