จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และไม่ผิดโผ เพราะคนที่จะขึ้นมานั่งตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก ‘ยุน ซอกยอล’ ก็คือ ‘อี แจ-มยอง’ ชายวัยกว่า 60 ปี สังกัดพรรคประชาธิปไตย (พรรคเสรีนิยม) โดยเขาสามารถคว้าชัยชนะไปด้วยคะแนนเสียงที่สูงถึง 49.3% ซึ่งต้องบอกว่าก่อนหน้าที่ชีวิตของนายอีจะเดินทางถึงจุดนี้ ช่วงวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก และเส้นทางทางการเมืองของเขาก็เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย หากจะใช้คำว่า “สู้ชีวิต” กับผู้ชายคนนี้ก็คงไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก
ช่วงวัยที่ยากลำบากของเด็กชายอี
นายอีเกิดในปี 1963 ณ หมู่บ้านบนภูเขาแห่งหนึ่งที่เมืองอันดง จังหวัดคยองบก ประเทศเกาหลีใต้ เขาเป็นลูกคนที่ 5 จากบรรดาพี่น้อง 7 คน ด้วยฐานะทางบ้านที่ยากจน เขาจึงไม่ได้เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมต้น แต่เลือกที่จะขายแรงงานแทน ซึ่งแน่นอนว่าอายุของนายอีตอนนั้นยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสามารถทำงานได้ตามกฎหมายแน่ ๆ งานส่วนใหญ่เป็นงานโรงงาน ครั้งหนึ่งเขาเคยประสบอุบัติเหตุจนทำให้นิ้วเข้าไปติดที่สายพาน เรื่องที่น่าเศร้าเกิดขึ้นอีกครั้งตอนเขาอายุ 13 ปี เมื่อเครื่องจักรทับเข้าที่ข้อมือเล็ก ๆ ของเขา อุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้นายอีได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก สิ่งนี้ทำให้เขาต้องขึ้นทะเบียนเป็นคนพิการ และได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตในวัยเด็กของประธานาธิบดีคนนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก
ขณะที่นายอีกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งที่ใส่ชุดนักเรียน นั่นเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากจะเข้ามหาวิทยาลัย ต่อมานายอีได้สมัครและสอบเข้าโรงเรียนมัธยม จนสอบผ่านในปี 1978 ต่อมาในปี 1980 เขาได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยและศึกษาเล่าเรียนด้านกฎหมายด้วยทุนเต็มจำนวน และเขาก็สอบเนติบัญฑิตผ่านในปี 1986 ส่วนชีวิตทางด้านครอบครัว นายอีได้แต่งงานกับคิม ฮเย-คยอง ในปี 1992 และมีลูกด้วยกัน 2 คน ทั้งนี้ นายอีได้ทำงานด้านทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนนานหลายสิบปี ก่อนจะกระโดดเข้ามาสู่สังเวียนการเมืองในปี 2005
เส้นทางทางการเมืองของนายอีที่ไม่เคยง่าย
- ในปี 2005 นายอีได้เข้าร่วมกับพรรคอูรี (Uri) ซึ่งเป็นพรรคที่มีแนวคิดเสรีนิยม และเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลในขณะนั้น ก่อนจะกลายมาเป็นพรรคประชาธิปไตยในปัจจุบัน ต่อมาในปี 2006 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปด้วยคะแนนเสียง 23.75% อาจจะเป็นเพราะในตอนนั้นประชาชนมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักกับพรรคอูรี และช่วงหลังจากปี 2008 นายอีได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นโฆษกพรรคประชาธิปไตย
- ในปี 2010 นายอีได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีของเมืองซองนัม ระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง เขาได้จัดทำนโยบายสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อประชาชนมากมาย จนในปี 2018 หน้าที่การงานทางการเมืองของเขาก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นเพราะเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี เขาได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีโรคโควิด-19 ระบาด และเขามีการต่อสู้กับรัฐบาลอย่างแข็งขัน เพราะเขาต้องการให้รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้คนทุกจังหวัด
- ในปี 2022 นายอีได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตประธานาธิบดีของพรรคประชาธิปไตย แต่ในการเลือกตั้งครั้งนั้นเขาก็ต้องพ่ายให้กับนายยุน ซอกยอล จากพรรคพลังประชาชน ไปอย่างเฉียดฉิว ด้วยคะแนนที่ห่างกันเพียง 0.76% และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งปี นายอีก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย
- ในเดือนมกราคม ปี 2024 ซึ่งตอนนั้นนายอีดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ขณะกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ปูซาน นายอีถูกชายคนหนึ่งที่ทำท่าทีว่าจะมาขอลายเซ็นต์แทงเข้าที่คอ ก่อนที่จะทราบแรงจูงใจในเวลาต่อมาว่า เขาไม่ต้องการเห็นนายอีเป็นประธานาธิบดี (อาจเป็นเพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้วคะแนนเฉือนกันนิดเดียว ทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้านายอีดูมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง) นายอีใช้เวลารักษาตัวประมาณ 8 วันจนหายดี ส่วนคนร้ายถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 15 ปี
- หลังจากเหตุการณ์ลอบทำร้ายนายอีจบลง ดูเหมือนว่าการเมืองในเกาหลีใต้จะร้อนแรงมากกว่าเดิม และการแบ่งขั้วทางการเมืองก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้พรรคประชาธิปไตยสามารถกลายเป็นเสียงข้างมากในสภาได้ นอกจากนี้ยังคอยวางญัตติต่าง ๆ ที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายยุน จนทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมืองขึ้น
- ช่วงเดือนธันวาคม 2024 จู่ ๆ อดีตประธานาธิบดียุนก็ประกาศกฎอัยการศึกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ นายอีก็ใช้โอกาสนี้ในการเรียกประชาชนมารวมตัวกันหน้ารัฐสภา และเขาก็เป็น สส. อีกคนที่พยายามปีนเข้าไปในสภาเพื่อขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกดังกล่าว หลังจากที่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกไป นายยุนก็ถูกปลดจากตำแหน่งและถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าก่อกบฏ ปมตรงนี้ทำให้การเมืองในเกาหลีใต้ร้อนแรงและขาดเสถียรภาพมานานกว่า 6 เดือน และการเลือกตั้งก็เกิดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายน 2025
- นายอีถูกจับตามองว่าเป็นตัวเต็งในการเลือกตั้งครั้งนี้ และจากเหตุการณ์ที่เขาถูกลอบทำร้าย ทำให้การหาเสียงเต็มไปด้วยมาตรการความปลอดภัย อาทิ นายอีใส่เสื้อกันกระสุนขณะขึ้นเวทีหาเสียง เป็นต้น และผลการเลือกตั้งก็เป็นไปตามคาด ในที่สุดนายอีก็ชนะการเลือกตั้งและได้นั่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 21 ของเกาหลีใต้
ความท้าทายของประธานาธิบดีคนใหม่
สิ่งที่นายอีหรือประธานาธิบดีคนล่าสุดต้องเผชิญแทบจะทันทีก็คือ การรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งกันทางการเมืองของประชาชนในประเทศ รวมถึงการรับมือกับมาตรการกำแพงภาษีจากประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ตัวเขาเองก็ยังมีคดีติดตัว ซึ่งเป็นคดีอาญาที่เกี่ยวกับการให้ข้อมูลเท็จโดยเจตนาในการหาเสียงในปี 2022 นับเป็นการละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยความคืบหน้าล่าสุดคดีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้คือช่วงวัยเด็กที่ยากลำบากและชีวิตที่ค่อย ๆ เติบโตมากับเส้นทางทางการเมืองของอี แจ-มยอง จนในที่สุดวันนี้เขาก็สามารถก้าวมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีได้สำเร็จ
อ้างอิง
- https://www.bbc.com/news/articles/c4gepwxzeqgo
- https://www.aljazeera.com/news/2025/6/3/who-is-lee-jae-myung-south-koreas-ne w-president
