เคยเปิดทีวีดูช่อง 3 ช่วงเช้า ๆ แล้วเจอเจ้า ‘หลินปิง’ สัตว์น้อยน่ารักพร้อมเสียงท่อนสุดท้ายของเพลง ‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ’ บ้างหรือเปล่า เราก็เป็็นคนหนึ่งที่หากตื่นมาดูสิ่งนี้ทันก็จะได้เห็นอิริยาบทน่ารัก ๆ พร้อมเสียงพูดของคุณสรยุทธปิดท้ายอยู่เสมอ และก็เป็นช่วงประจำในรายการ ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ นานพอสมควร

จนหลังจากน้องกลับต่างประเทศไป ตลอดระยะเวลาทั้ง 4 ปีที่ความน่ารักของมันออกสู่สายตาคนไทยก็ทำให้เราเห็นความ Hype ในหลาย ๆ มุมของสื่อไทยกับสัตว์ประจำชาติ (?) ตัวนี้ได้เหมือนกัน วันนี้ SUM UP เลยขอพาคุณกลับไปสู่ช่วงปี 2552-2556 ที่หลินปิงชิงใจคนไทยไว้อยู่หมัด ว่ามีอะไรน่าสนใจสอดแทรกอยู่บ้าง

ภาพโดย mrpokx5 ผ่าน Wikipedia

กำเนิดแพนด้าน้อยไร้้ชื่อ จาก ‘ช่วงช่วง’ และ ‘หลินฮุ่ย’

‘หลินปิง (Linping / 林冰)’ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 จากการผสมเทียม ผ่านความพยายามหลายต่อหลายครั้งของสัตวแพทย์ไทย ที่พยายามทำให้ ‘ช่วงช่วง’ และ ‘หลินฮุ่ย’ ทูตสันถวไมตรีระหว่างไทยและจีนที่ถูกส่งมายังสวนสัตว์เชียงใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 มีโอกาสผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ แต่อาการเป็นสัดของหลินฮุ่ย และการขึ้นผสมพันธุ์ของทั้้งคู่ก็คลาดดกันไปมาเสมอ แม้จะมีความพยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม สร้างสถานการณ์ที่ต้องห่างกันเพื่อให้คิดถึงกัน ไปจนถึงการให้ช่วงช่วงเปิดดูหนังโป๊เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเลยทีเดียว

จนความพยายามในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เจ้าหน้าที่วางแผนการทำงานอย่างละเอียด จนสามารถเห็นสัญญาณรังไข่ตกของหลินฮุ่ย และนำเชื้ออสุจิของช่วงช่วงเข้าผสมเทียมได้สำเร็จ และกลายเป็นทายาทที่รักของชาวไทยในอีกไม่กี่เดือนถัดมา

ภาพจาก MGR Online

กำเนิดชื่อ ‘หลินปิง’ จากการเสนอชื่อของเด็ก 2 ขวบ

ถัดจากวันเกิดของแพนด้าน้อยไร้ชื่อเพียง 6 วัน ‘สุวิทย์ คุณกิตติ’ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในขณะนั้้น ได้ประกาศกิจกรรมตั้งชื่อเจ้าแพนด้าน้อยตัวนี้ ที่มีเป้าหมายอย่างเงินสด 1 ล้านบาท และรถยนต์ 1 คัน เป็นของรางวัลสำหรับเจ้าของชื่อ

โดยมีคนส่งชื่อผ่านไปรษณียบัตรกว่า 54,000 ชื่อ และส่งชื่อผ่าน SMS กว่า 560,000 ชื่อ รวมกว่า 6 แสนชื่อเลยทีเดียว ก่อนจะถูกคัดเลือกให้เหลือ 300 ชื่อ และ 10 ชื่อตามลำดับ ได้แก่ หญิงหญิง, เขออ้าย, ปิงปิง, ไทจีน, ไท่ผิง, ผิงผิง, หลินปิง, เฮื้องหลิน, ขวัญไทย และหยวนหยวน ก่อนที่ในรอบ Final จะเหลือเพียง 4 ชื่อ คือ หญิงหญิง, ไทจีน, หลินปิง และขวัญไทย โดยตามข่าวบอกว่าชื่อ ‘หลินปิง’ และ ‘ขวัญไทย’ ค่อนข้างจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

ภาพจาก Kapook

และสุดท้ายชื่อ ‘หลินปิง’ ของ ด.ญ.ปลายฟ้า สีหาคม ที่ขณะนั้นอายุแค่ 2 ปี ก็ได้เป็นชื่อจริงของเจ้าแพนด้าน้อยในที่สุด อีกทั้งยังมีการจับแจกผู้โชคดีที่ส่งไปรษณียบัตรโหวต 4 ชื่อสุดท้ายกว่า 22 ล้านฉบับเพื่อแจกรางวัลเพิ่มเติมอีกด้วย โดยชื่อหลินปิงนี้มีคนส่งกว่า 13 ล้านฉบับด้วยกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่การตั้งชื่อสัตว์จะกลายวาระใหญ่ของชาติที่น่าตกใจเรื่องหนึ่งขนาดนี้

กระแสความนิยมใน ‘สวนสัตว์เชียงใหม่’ และพื้นที่สื่อในไทย

ขณะเดียวกันที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนยุคนั้น เพราะทุกคนต่างอยากเห็นหน้าเจ้าแพนด้าน้อยขวัญใจคนทั้งประเทศเป็นขวัญตา อย่างการจัดงาน ‘สู่ข้าว เอาขวัญ แพนด้าน้อย’ ที่จัดขึ้นวันที่ 4-6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 โดยเปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ๆ รอบละ 1 ชั่วโมง จำนวน 1,000 คนทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนต้องจองคิวล่วงหน้าเลยทีเดียว

ในส่วนของวงการสื่อ ‘หลินปิง’ ก็ทรงอิทธิพลในช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน จากการมี Airtime ในช่วงข่าวของรายการ ‘เรื่องเล่าเช้านี้’ เป็นของตัวเองสั้น ๆ พร้อมกับเพลงประกอบช่วงที่กลายเป็นภาพจำของผู้คนในสังคม อย่างเพลงที่เป็นเสียงเด็กร้องว่า “จั๊ด จัด จา ดา ดา ดา ดั้ด…” ซึ่งก็ทำให้เพลง ‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ’ ของวง ‘ETC.’ เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยเช่นกัน

มากไปกว่านั้นทั้งครอบครัวแพนด้า ‘ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย-หลินปิง’ ก็มีขยับขยายพื้นที่สื่อของตัวเอง อย่างรายการ ‘หลินปิง เดอะ เรียลลิตี้’ และ ‘หลินปิง ไดอารี่’ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เพียงพอกับความกระหายอยากดูอิริยาบทต่าง ๆ ของครอบครัวแพนด้าอยู่ดี

จนต้องมีการสร้างช่องทางทำให้เราดูสิ่งนี้ได้ 24 ชั่วโมง ผ่านการมีช่องดาวเทียม ‘Panda Channel (แพนด้า แชนแนล)’ ที่เริ่มออนวันแรกเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 โดยมีช่วงรายการมากมาย ทั้ง ‘Lin Ping Reality’ เกาะติดการใช้ชีวิตตลอดทั้งวัน, ‘Lin Ping Daily Hilight’ ที่ตัดช็อตเด็ดประจำวันมาให้ดูเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง รวมถึงมีการอ่านจดหมายจากทางบ้านให้แพนด้าฟัง และส่ง SMS แสดงความคิดเห็นบนหน้าจอได้อีกด้วย

สุดท้ายงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา ความนิยมที่เคยล้นหลามก็ร้างลาอย่างเงียบเหงา ช่วงพิเศษในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ก็หายไป สถานีดาวเทียมที่ตั้งมานำเสนอเฉพาะครอบครัวหลินปิงก็ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2555 จากเรื่องงบประมาณและสัญญากับทาง True Visions ที่สิ้นสุดลง และหลินปิงก็ถูกส่งกลับบ้านตัวเองที่จีนเพื่อให้จับคู่ผสมพันธุ์กับแพนด้าหนุ่ม และปัจจุบันเธอก็กลายเป็นคุณแม่ลูก 7 เป็นที่เรียบร้อย

ที่มา

CREATED BY

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป