ในตอนนี้ที่ประเทศมาเลเซียกำลังมีการถกเถียงกันอย่างหนักเกี่ยวกับทิศทางในการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของประเทศ อย่าง เกาะลังกาวี ลดลงอย่างหนักและไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรในช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 จนก่อเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่สังคมของมาเลเซียเองต่างออกมาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงขั้นมีการวิวาทะกันระหว่างผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลาง
จุดเริ่มต้นของการตื่นตัวต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศของมาเลเซียเกิดขึ้นในช่วงของการเปิดประเทศหลังวิกฤติโควิด-19 ที่หลายประเทศให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นได้ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวในช่วงนี้
ประเทศมาเลเซียเองเป็นประเทศที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อหวังดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศให้เข้าสู่ประเทศมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามทิศทางนี้ดูจะสวนทางกับความนิยมของคนมาเลเซียเอง เห็นได้ชัดจากการที่ชาวมาเลเซียนิยมมาเที่ยวประเทศไทยเป็นอย่างมากในทุกช่วงวันหยุดยาวโดยเฉพาะหาดใหญ่ที่ถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจากที่ตั้งที่ไม่ไกลมากนักและค่าครองชีพที่ดูแล้วถูกกว่าหลายเท่าตัวหากเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวในมาเลเซียเอง
นอกจากนี้ก็มีปรากฏการณ์ที่บ่งบอกได้ถึงความนิยมในการมาท่องเที่ยวเมืองไทยของชาวมาเลเซีย อย่างเช่น ภาพการข้ามแดนมายังฝั่งไทยของชาวมาเลเซียที่มากเป็นประวัติการณ์จนบางรายถึงขั้นถอดใจเปลี่ยนแผนไม่ข้ามมาเที่ยวเมืองไทยแล้ว เนื่องจากเสียเวลาในการข้ามแดนจากปริมาณคนที่เยอะเกินไป รวมถึงไม่มีห้องพักว่างเพียงพออีกต่อไป
ปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้กลายเป็นประเด็นที่สังคมมาเลเซียถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเนื่องจากมีความต้องการที่จะช่วยฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้แข็งแรงเพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา แต่ในทางกลับกันคนมาเลเซียเองกลับนิยมไปเที่ยวประเทศอื่นมากกว่าประเทศตัวเองเสียอีก จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวทำให้แม้แต่นายเทียง คิง สิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม ประเทศมาเลเซียเองยังออกมายอมรับเรื่องนี้ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในช่วงกลางปี 2023 ว่าเกาะลังกาวีกำลังสูญสิ้นมนต์ขลังของการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมทั้งยังเปรียบเทียบลังกาวีว่าเป็น ‘เกาะผี’ เลยด้วยซ้ำจากการที่เกาะร้างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวบางตา
รัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียยังระบุว่าอีกว่าที่เกาะลังกาวีมีข้อจำกัดมากมายที่ส่งผลต่อศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อจำกัดทางด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเขายกตัวอย่างว่าที่เกาะลังกาวีนั้นมีกฎหมายท้องถิ่นของรัฐเกดะห์ที่ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายน้อยชิ้นเมื่อไปเดินที่ชายหาด ขณะเดียวกันยังมีกฎห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้มงวดมากอีกด้วย
รัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียระบุต่อว่าปัญหาด้านการท่องเที่ยวของเกาะลังกาวีนั้นอยู่ในมือของรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐเกดะห์ควรจะร่วมกันแก้ปัญหาด้วยกันเพื่อฟื้นการท่องเที่ยวเกาะลังกาวีกลับคืนมา
หลังจากที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียได้ออกมาพูดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเกาะลังกาวีนั้น ก็ได้สร้างกระแสความไม่พอใจขึ้นมา จนถึงขั้นมุขมนตรีของรัฐเกดะห์ออกมาโต้กลับว่าสิ่งที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียพูดนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมกับระบุว่าทางการท้องถิ่นรัฐเกดะห์ไม่ได้มีการห้ามปรามการแต่งกายของนักท่องเที่ยวหรือเข้มงวดกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด พร้อมออกคำท้าให้รัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียลงพื้นที่พิสูจน์ความจริง อย่างไรก็ดีมีการตั้งข้อสังเกตว่าแม้ทางการท้องถิ่นจะไม่ได้เข้มงวดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่ข้อบังคับต่าง ๆ ยังมีผลบังคับกับชาวมาเลเซียทำให้พวกเขาเลือกตัดสินใจไปเที่ยวที่ประเทศไทยดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ภาพของข้อจำกัดด้านวัฒนธรรมยังสะท้อนให้เห็นผ่านความย้อนแย้งของรัฐบาลท้องถิ่นรัฐเกดะห์ที่เมื่อปีที่แล้วได้มีการออกประกาศห้ามรีสอร์ตแห่งหนึ่งใช้ชื่อ ‘สงกรานต์’ ในการจัดงานอีเว้นต์ โดยให้เหตุผลว่าเทศกาลสงกรานต์นั้นเป็นประเพณีต่างศาสนาขัดต่อหลักการศาสนาอิสลามทำให้รัฐบาลท้องถิ่นมีหน้าที่ในการสั่งห้ามใช้ชื่อ ‘สงกรานต์’ ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามท่าทีของรัฐบาลท้องถิ่นรัฐเกดะห์ในปีนี้เปลี่ยนไปโดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นรัฐเกดะห์กลับมาประกาศให้ปี 2025 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวรัฐเกดะห์พร้อมทั้งประกาศให้เทศกาลสงกรานต์เป็นจุดขายเพื่อโปรโมตวัฒนธรรมที่หลากหลายของรัฐเกดะห์ที่มีคนมาเลเซียเชื้อสายไทยตั้งรกรากอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังปรากฏภาพสมาชิกของพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังเข้าร่วมงานสงกรานต์ที่ทางการจัดขึ้นในปีนี้อีกด้วย
ท่าทีที่ดูย้อนแย้งกับจุดยืนที่ผ่านมาของพรรครัฐบาลท้องถิ่นทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่านี่เป็นการโปรโมตการท่องเที่ยวที่แท้จริงหรือการต้องการหาเสียงกับเชื้อชาติอื่น ๆ ที่เป็นชนกลุ่มน้อยของรัฐอย่างชาวสยามท้องถิ่นในรัฐเกดะห์
นอกเหนือจากวิวาทะในระดับประเทศแล้ว ในระดับการเมืองท้องถิ่นของรัฐเกดะห์เองยังมีการพูดถึงกระแสนักท่องเที่ยวมาเลเซียแห่แหนกันมาเที่ยวที่ประเทศไทยจนทำให้รัฐเกดะห์นั้นดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ทางผ่านสำหรับคนมาเลเซียในการเดินทางไปเที่ยวประเทศไทย เป็นผลให้ประธานสภาท้องถิ่นรัฐเกดะห์ตั้งกระทู้ถามถึงอธิบดีการท่องเที่ยวรัฐเกดะห์ว่าทำไมรัฐรัฐเกดะห์ถึงมีค่าครองชีพแพงจนคนมาเลย์ข้ามไปเที่ยวประเทศไทยกันหมด อย่างไรก็ตามท่านอธิบดีได้ตอบกลับด้วยการโทษนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเองนั่นแหละที่ไม่สามารถสรรหาที่พัก อาหาร บริการ และโปรแกรมท่องเที่ยวราคาถูกได้เอง พร้อมกล่าวว่าไม่เห็นด้วยว่าเกาะลังกาวีหรือสถานที่ท่องเที่ยวในรัฐเกดะห์มีแต่ของราคาแพง
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเห็นได้ชัดว่ากระแสความนิยมในการมาท่องเที่ยวเมืองไทยของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียนั้นเกิดจากปัจจัยความพร้อมของการท่องเที่ยวไทยที่เชิญชวนให้คนมาเลเซียออกจากบ้านเกิดมาท่องเที่ยวซึ่งรัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียระบุว่าการผลักดันให้ชาวมาเลเซียท่องเที่ยวในประเทศของตัวเองนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจเองที่ไม่ควรเน้นการทำกำไรมากเกินควร และนักท่องเที่ยวเองควรตะหนักถึงการช่วยสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการออกมาถกเถียงกันของมาเลเซียในครั้งนี้อาจเป็นสิ่งที่ไทยเองก็ต้องจับตามองกันต่อไปถึงทิศทางและนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศของมาเลเซียที่อาจกระทบกับการท่องเที่ยวไทยได้ในที่สุด
อ้างอิง
- https://focusmalaysia.my/cant-something-be-done-as-malaysians-are-flocking-to-hatyai-instead-of-langkawi/
- https://www.nationthailand.com/blogs/world/asean/40035648