สำนักข่าว Fortune ได้เปิดเผยงานวิจัยเมื่อเดือนธันวาคม 2567 ระบุว่า ตลาดแมวทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม GEN Z ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง แม้ว่าหลายคนในกลุ่มนี้จะยังไม่มีบ้านหรือครอบครัว แต่กลับให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก โดยพบว่า 74% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในกลุ่มนี้เลือกทำประกันสัตว์เลี้ยงเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแมว กลุ่ม GEN Z ในตลาดโลกใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 72,624 บาทต่อปี หรือประมาณ 6,052 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น ค่าอาหารสัตว์เลี้ยง ค่าของเล่น ค่ากรูมมิง และค่ารักษาพยาบาล เช่น พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ, ค่าฉีดวัคซีนประจำปี, ค่าวิตามิน อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ
นอกจากนี้ยังพบว่า เจ้าของแมวจำนวนมากยินดีจ่ายเงินสูงถึง 10,200 บาทในกรณีฉุกเฉิน เช่น ค่าผ่าตัด ค่ารักษาอาการบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนค่าเอกซเรย์ อัลตราซาวด์ และการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ อีกทั้งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดแมวในประเทศไทยพบว่า ประเทศไทยมีประชากรผู้เลี้ยงแมวมากเป็นอันดับ 8 ของโลก โดยจังหวัดที่มีการเลี้ยงแมวสูงสุด ได้แก่ นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรสงคราม
ข้อมูลยังระบุอีกว่า จำนวนประชากรแมวในประเทศไทยอยู่ที่ 3,337,458 ตัว สูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเลี้ยงแมวอยู่ที่ 14,200 บาทต่อปี หรือประมาณ 1,183 บาทต่อเดือน และมีแนวโน้มการรับเลี้ยงแมวจรเพิ่มขึ้นกว่า 14% นับตั้งแต่ปี 2562 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีผลสำรวจออกมาว่า ตลาดคนเลี้ยงสุนัขเติบโตที่ 31.6% ขณะที่ตลาดแมวเติบโตถึง 32.1% แซงหน้าตลาดสุนัขเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมในการเลี้ยงแมวที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจกลายเป็นกลุ่มตลาดหลักของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงไทยในอนาคต
ไม่ใช่แค่ในไทยที่เจ้าเหมียวกุมหัวใจมนุษย์ เพราะหากย้อนไปดูข้อมูลในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลจาก Euromonitor พบว่าตลาดอาหารแมวในสหรัฐฯ ปี 2567 มีมูลค่า 18,483.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตจาก 16,779.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 หรือคิดเป็นร้อยละ 10.2 และคาดว่าตลาดอาหารแมวปี 2568 จะมีมูลค่า 19,701.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเติบโตร้อยละ 6.6 จากปี 2567
อุตสาหกรรมอาหารแมวในสหรัฐฯ กำลังเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทขนมแมวและส่วนผสมอาหารแมวที่ใช้เป็นสิ่งจูงใจแมวในการกินอาหารหลัก นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ที่มีสีสันสดใสจะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้เลี้ยงแมวมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยและผู้ส่งออกไทยอาจพิจารณาผลิตผลิตภัณฑ์อาหารแมวที่สามารถเป็นได้ทั้งขนมแมวและอาหารหลักมากขึ้นพร้อมกับมีระบบตรวจสอบย้อนกลับเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เลี้ยงแมวว่าเป็นสินค้าที่มาตรฐานและมีกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย
ข้อมูลของธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) พบว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยปี 2567 ที่ผ่านมามีมูลค่าประเมินอยู่ที่ 75,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 12.4% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงแมวที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
หากอ่านมาเกือบทั้งหมด เหล่าทาสแมวอาจจะเริ่มกุมขมับ เพราะดูเหมือนว่าข้อมูลที่เรายกมาเรียบเรียง การเลี้ยงเจ้าเหมียวดูเหมือนจะสร้างผลดีกับอุตสาหกรรมเกี่ยวกับแมว ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่แมว, อาหารแมว หรือโรงพยาบาลสัตว์ เป็นหลัก
อยากจะบอกว่า การเลี้ยงเจ้าเหมียวนอกจากทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวกับแมวได้เติบโตและเดินหน้าต่อ ก็ยังดีต่อสุขภาพจิตของผู้เลี้ยงอีกด้วย โดยจากผลวิจัยปี 2008 ของสถาบันโรคหัวใจ มหาวิทยาลัยมินนิโซตา สหรัฐฯ ที่ทำวิจัยกับกลุ่มคน 4,500 คน เป็นเวลา 10 ปี และ 3 ใน 5 เป็นคนเลี้ยงแมว สรุปผลได้ว่า คนที่เลี้ยงแมวมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันน้อยกว่าคนที่ไม่เลี้ยงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2009 ยังมีผลวิจัยย่อย ๆ ตามมาสนับสนุนด้วยว่า การเลี้ยงแมวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด