MOU ยาเสพติด, อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้ (31 กรกฏาคม 2567) ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีผู้เข้าร่วมลงนาม ได้แก่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ  น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว. อว. พร้อมผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 3 กระทรวงเข้าร่วม ที่สวนมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย ณ หอประชุมราชสีห์ ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย

การทำ MOU ในครั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายให้กับหน่วยงานภายใต้การกำกับให้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งก่อนหน้าจะมีการลงนามทำ MOU กระทรวงมหาดไทยก็ได้มีการจัดโครงการมหาดไทยสีขาว สร้างพื้นที่ปลอดภัย หยุดยั้งยาเสพติด Safe zone no drugs ซึ่งภายในโครงการจะมีการตรวจปัสสาวะคัดกรองสารเสพติดของบุคลากรมหาดไทยเพื่อเตรียมกำลังคนให้พร้อมในการตรวจสารเสพติดบุคลากรตามโครงการภายใต้ MOU ผลปรากฏว่าบุคลากรกระทรวงมหาดไทยทุกระดับในทุกจังหวัดให้ความสมัครใจในการตรวจสอบคัดกรองภายใต้โครงการดังกล่าว

โดยทาง ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ได้กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายวาระเร่งด่วนแห่งชาติและเป็นนโยบายที่สำคัญ การทำ MOU ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างกระทรวงเพื่อช่วยกันคัดกรองหาผู้ติด ผู้เสพ และนำไปสู่กระบวนการบำบัด เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ว่าต้องการลดจำนวนผู้ติดและผู้เสพยาเสพติด โดยเฉพาะผู้เสพหน้าใหม่ ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากสถานศึกษาไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน, มหาวิทยาลัย, วิทยาลัย และการทำ MOU ในครั้งนี้จะร่วมดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ส่วนทางด้านของ ‘ไตรศุลี ไตรสรณกุล’ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า จุดประสงค์หลัก ๆ ของการทำ MOU ในครั้งนี้ เพราะต้องการสร้างความมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักถึงโทษยาเสพติด รวมไปถึงความยินยอมในการเข้าร่วมกิจกรรมป้องกันยาเสพติดของบุคลากรจากทั้ง 3 กระทรวง นอกจากนี้เด็กและยาวชนในสถานศึกษาต้องให้ความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ และจะดำเนินการโดยเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคลในทุกขั้นตอน 

นอกจากนี้จะมีการผลักดันให้สถานศึกษาต่าง ๆ ภายใต้สังกัดของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดให้มีระบบในการเฝ้าระวังและสอดส่อง ตรวจตราการแพร่ระบาดของยาเสพติดในทุก ๆ รูปแบบ และหากพบว่ามีการกระทำที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะจัดให้มีระบบคัดกรอง รวมไปถึงการประเมินความรุนแรงของยาเสพติด และความเสี่ยงต่อร่างกายในด้านต่าง ๆ บวกกับจะมีการสร้างส่วนร่วมกับเครือข่ายต่าง ๆ บริเวณโดยรอบสถานศึกษาให้ปลอดยาเสพติด และหากจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฏหมายก็จะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฏหมายต่อไป

อย่างไรก็ดี ‘ไตรศุลี’ ได้ชี้ให้เห็นข้อมูลของกรมการปกครองที่รายงานผลการปราบปรามและการบัดบัดรักษาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า ข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 มีผู้ค้ายาเสพติดกว่า   9,103  คนและจับกุมไปแล้วกว่า 4,779 คน ผู้เสพยาเสพติดจำนวน 56,863 คน นำเข้าสู่การบำบัดและฟื้นฟูตามกฏหมายแล้วกว่า 36,204 คน ผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุมาจากยาเสพติดมีกว่า 17897 คน นำเข้าสู่การรักษาแล้ว 16,636 คน

AUTHOR

ความสำเร็จอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จอยู่ที่ไหน