เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์ Music Marketing

“เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์ ใครเห็นก็ต้องอยากกิน”
“โคตรอร่อยเคี้ยวเพลินนุ่มลิ้น จะไปบอกแม่ว่าหนูอยากกิน”

เชื่อว่านาทีนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แข็งแกร่งมาจากไหน ก็คงไม่สามารถปฏิเสธเพลง ‘เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์’ ได้ ด้วยเนื้อร้องบวกทำนองที่แสนเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยการขายของ ทำให้เพลงนี้ติดหูและแบรนด์นี้ก็น่าจะเข้าไปอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และใช่ สิ่งนี้น่าจะเรียกว่า ‘Music Marketing’ หรือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้เสียงเพลงและดนตรีเข้ามาเป็นตัวกลางในการสื่อสารไปยังลูกค้า ในทางจิตวิทยาได้อธิบายเอาไว้ว่า ดนตรีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค เพราะมันสามารถส่งต่ออารมณ์ การรับรู้ และความรู้สึก นอกจากนี้ ดนตรีแนวต่าง ๆ ก็จะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน และอารมณ์เหล่านั้นส่งผลต่อมุมมองและความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อแบรนด์ ดังนั้น Music Marketing จึงมีประโยชน์มาก ๆ ในแง่ของการสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ ด้วยเหตุผลที่ว่า

1. ดนตรีสามารถเข้าไปเชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้บริโภคได้ ดังนั้นการเลือกเพลงที่เหมาะสมสามารถทำให้แบรนด์สร้างความรู้สึกที่ต้องการได้ ยกตัวอย่างเช่น เพลงที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกคิดถึงอดีต สามารถนำไปใช้โปรโมตสินค้าหรือบริการที่มุ่งสร้างความสบายใจหรือความคุ้นเคยได้

2. ดนตรีสามารถช่วยสร้างอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ โดยการเลือกเพลงที่เหมาะสมกับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายที่จะช่วยสะท้อนตัวตนของแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่เน้นความหรูหราอาจจะใช้เพลงคลาสสิกหรือแบรนด์ที่ขายความสดใสก็อาจจะใช้เพลงจังหวะสนุกสนานติดหู หรือหากเป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กก็อาจจะใช้เพลงสนุกสนานและมีเด็กเป็นคนร้อง เป็นต้น 

3. ดนตรีสามารถช่วยกระตุ้นสร้างความทรงจำ กล่าวคือ หากเลือกใช้เพลงที่ติดหูและมีทำนองที่จำง่ายในการจัดทำแคมเปญต่าง ๆ มันก็จะช่วยให้แบรนด์ถูกจดจำได้มากขึ้น และเมื่อผู้บริโภคได้ยินทำนองที่คุ้นหูความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์นั้น ๆ ก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมา เรื่องนี้ยกตัวอย่างได้จากเนื้อเพลง เธอรักฉัน ฉันรักเธอ MIXUE ไอศกรีม และ ชา” ของแบรนด์ MIXUE จากจีน เพลงนี้จะถูกเปิดซ้ำ ๆ ในทุกสาขา จนผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ และเพลงนี้ก็กลายเป็นไวรัลในประเทศไทยไปช่วงหนึ่ง

4. ดนตรีสามารถช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ กล่าวคือ ดนตรีส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหาร หรือบนสื่อออนไลน์ ดังนั้นดนตรีที่เลือกใช้ควรสอดคล้องกับบรรยากาศที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสาร รวมถึงต้องคำนึงถึงรสนิยมของกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น ร้านกาแฟอาจเลือกเพลงแนวอะคูสติกเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย เป็นต้น

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเสียงเพลง เสียงดนตรี กับมนุษย์เป็นของคู่กัน การหยิบจับสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคและสร้างภาพจำให้กับแบรนด์จึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก ๆ เพราะแบรนด์จะถูกจดจำได้ย่างรวดเร็ว ผ่านการเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อผู้ฟังได้ยินทำนองหรือเนื้อร้องที่คุ้นเคย

อ้างอิง