เชื่อว่าในช่วงเช้าของวันนี้ (28 มิ.ย. 67) หลายคนคงได้เห็น MV เพลง Rockstar จากศิลปินเคป็อปสัญชาติไทยอย่าง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ ที่กลับมาพร้อมกับโซโล่ซิงเกิลสุดปังในธีม Cyberpunk Bangkok ที่เรียกเสียงฮือฮาตั้งแต่วันปล่อยทีเซอร์เพลง หลังจากที่หลายคนได้ยลโฉมการเนรมิตรถนน ‘เยาวราช’ ยามค่ำคืนให้กลายเป็นเมืองแสงสีแห่งโลกอนาคต เหมือนกับพยายามบอกชาวโลกในทำนองว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงบ้านเกิดของเธอไม่ได้ด้อยพัฒนาเหมือนที่คนต่างประเทศเข้าใจ แต่กลับเต็มไปด้วยแสงสีและสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัย คล้ายโลกอนาคตโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก ถือเป็นการนำเสนอความเป็นกรุงเทพฯ และประเทศไทยได้ไม่ต้องอาศัยศิลปะวัฒนธรรมยุคโบราณ แต่ใช้ความเป็นศิลปะร่วมสมัยตะโกนออกไปแทน
อาจกล่าวได้ว่าลิซ่าพยายามสร้างภาพจำและความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับประเทศไทยให้ชาวต่างชาติได้รับ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนใหญ่แล้วประเทศไทยถูกมองว่าเป็นแหล่งมั่วสุมดิบเถื่อนที่เต็มไปด้วยผับ บาร์ ผู้หญิง เกย์ กะเทย และการค้าประเวณี โดยใน MV เราจะเห็นกะเทย (Transgender) ชาวไทยทั้ง คชิสรา ศรีดาโคตร รองอันดับ 1 Miss Tiffany’s, ชินรวดี ปัญญารัศมิ์สกุล ผู้เข้าประกวด Miss Trans Thailand และ รินทร์ณิญา พุฒิโภคิณลักษณ์ Top 10 Miss Tiffany’s Universe เข้ามาประกอบในฉากบริเวณถนนเยาวราช ปะปนไปกับแก๊งค์ซิ่งมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์และเหล่านักเลงสักลายที่นั่งกันเป็นกลุ่มก้อนอยู่ข้างถนน ซึ่งทุกภาพที่ถูกนำเสนอออกมาผ่าน MV เปรียบเสมือนการแซะในทำนองว่า ใช่ ประเทศของฉันก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม “BKK so pretty” นะ ซึ่งเป็นทั้งการนำเสนอและจิกกัดที่แนบเนียน เจ็บแสบ และสร้างสรรค์
นอกจากเบื้องหน้าอย่างนักแสดงประกอบและแดนซ์เซอร์ภายใน MV ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนไทยแล้ว ผู้คนที่อยู่เบื้องหลัง อาทิ ทีมโปรดักชันส์ที่มาซัปพอร์ตทีมถ่ายทำหลัก อาร์ตไดเร็กชัน ผู้ออกแบบเสื้อผ้า และพร็อปประกอบต่าง ๆ ล้วนเป็นทีมงานชาวไทยทั้งหมด โดยลิซ่าได้ให้เครดิตทีมงานทุกส่วนและเขียนชื่อทุกคนไว้ในคำอธิบายใต้คลิปวิดีโอในยูทูป ซึ่งมองเห็นถึงเจตนาที่อยากโชว์สกิลคนไทยว่าไม่แพ้ชาติใดในโลก แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็กลับไปตอกย้ำเรื่องความพยายามที่ไม่อยากให้ชาวต่างชาติเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนไทยว่าด้อยพัฒนาและไร้ความสามารถ เรียกได้ว่านำเสนอและโฆษณาประเทศและผู้คนในประเทศอย่างเต็มที่
อีกทั้งลิซ่าพยายาม Call Out เรื่องค่านิยมเหยียดคนเอเชียในต่างประเทศ (Racism against Asians) ที่มักจะถูกด้อยค่าผ่านทางคำพูด การกระทำ หรือสวัสดิการทางสังคมอยู่เสมอ โดยในท่อน “Lisa, can you teach me Japanese?” I said, “はい, はい!” แปลว่า ลิซ่า สอนภาษาญี่ปุ่นให้หน่อยได้ไหม? ฉันตอบไปว่า ไฮ ไฮ (ได้ ได้) ซึ่งเนื้อหาในท่อนนี้เหมือนกับการที่ลิซ่ากำลังแซะพวกที่เคยเหยียดหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับสัญชาติของเธอบ่อยครั้ง เนื่องจากคนอเมริกาหรือยุโรปส่วนใหญ่มอง ‘คนเอเชีย’ เป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่มาจากซีกโลกทางเหนือและตะวันออกที่มีผิวขาว ตาตี่ ตัวเล็ก จึงมักถูกเหมารวมว่าคนเอเชียคือ ‘คนจีนหรือคนญี่ปุ่น’ ไปเสียทั้งหมด
เมื่อนำเนื้อหาข้างต้นมาต่อกับท่อน “That’s my life, life, baby, I’m a rockstar” มันคล้ายกับการจิกกัดในทำนองว่า การโดนเหยียดเชื้อชาติหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบ้านเกิดต่าง ๆ มันก็คือชีวิตของฉัน เพราะฉันคือร็อคสตาร์ยังไงล่ะ ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่าทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากของลิซ่าไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องโกหกเลย ทั้งความดังระดับโลก ทั้งการที่แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกต่างเรียกหาเธอ หรือไม่กระทั่งการโดนเหยียดเชื้อชาติของคนเอเชียในประเทศแถบตะวันตกก็ถือเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครเถียงเธอได้ ในวันที่ลิซ่าลุกขึ้นมาทำเพลงตอกกลับโลกใบนี้ อะไรหลายอย่างก็พร้อมสั่นสะเทือน
แม้กระทั่งดราม่าเกี่ยวกับภาพโปรโมตเพลง Rockstar ที่ถูกปล่อยออกมาและพูดถึงกันก่อนหน้านี้ ที่ลิซ่าสวมชุดสีขาว ใส่กริลสีเงินที่ฟัน แต่ที่กลายเป็นประเด็นน่าจะเป็นการที่ภายในรูปลิซ่ามีสีผิวที่เข้มจนเห็นได้ชัด ทำให้แฟนเพลงในฝั่งอเมริกาออกมาแสดงความคิดเห็นว่าลิซ่าพยายามจะฉกฉวยทางวัฒนธรรม แต่ก็ถูกโต้กลับจากแฟนเพลงในฝั่งเอเชียว่าความจริงแล้วคนเอเชียมีสีผิวหลายเฉด ทั้งขาว เหลือง แทน ดำ ซึ่งมีความหลากหลายต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ลิซ่าเป็นคนไทยที่มีผิวสีแทนมาโดยตลอด แต่เมื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมเพลงเกาหลีที่มีบิวตี้แสตนดาร์ดแบบนิยมคนผิวขาว เธอจึงมักถูกนำเสนอในภาพลักษณ์แบบนั้น นี่เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนว่า คนทั่วไปส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนเอเชียอยู่มากพอสมควร ซึ่งลิซ่าไม่ได้เพียงแค่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับชาวไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบอกเสียงให้กับคนเอเชียอีกด้วย
แน่นอนว่าเพลง Rockstar นี้เป็นเพลงแทร็ปที่มีกลิ่นอายความเป็นฮิปฮอปยุค 2000’s ที่พูดถึงความเป็นร็อกสตาร์ของเธอ โดยได้ Ryan Tedder ศิลปินและโปรดิวเซอร์จากวง One Republic ซึ่งเคยทำงานร่วมกับวง BlackPink มาแล้วในอัลบั้มที่ปล่อยออกมาช่วงปี 2020 และ Sam Homaee นักร้องและนักแต่งเพลง มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ให้กับเพลงนี้ ด้วยเหตุนี้เองเพลง Rockstar จึงไม่ติดกลิ่นอายความเป็นเกาหลีเลย ทั้งเนื้อร้อง เมโลดี้ และดนตรี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ลิซ่าอาจคิดมาแล้วว่าหากทำค่าย LLOUD ของตัวเองจะสลัดคราบความเป็นนักร้องเกาหลีให้กลายเป็นนักร้องอินเตอร์ที่พร้อมฝากผลงานไว้ให้คนผู้คนทั้งโลกแทน
อย่างไรก็ตามมีข่าวแว่วมาว่าเพลง Rockstar เป็นเพียงหนึ่งในสามเพลงจากอัลบั้มของลิซ่าที่มีการวางแผนจะปล่อยในเวลาต่อ ๆ ไป ซึ่งบอกได้เลยว่า ณ เวลานี้ไม่ว่าลิซ่าจะทำอะไรก็ต่างถูกจับตามองไปหมด โดยเฉพาะเมื่อเธอได้ร้องและเต้นในแบบที่ทุกคนหลงใหลเธอ มันยิ่งทำให้ลิซ่ายิ่งไปไกลกว่าที่ใครหลายคนคิดไว้