แน่นอนว่าการทุ่มเทฝึกซ้อม ยอมรับแรงกดดันอันมหาศาล เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไป เพื่อคว้าชัยชนะกลับมาของเหล่านักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีสเกมส์ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ควรค่าแก่การตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ โดยกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (NSDF) เตรียมมอบเงินอัดฉีดให้เหล่านักกีฬาไทยที่สามารถคว้าชัยในโอลิมปิกได้ ซึ่งการจ่ายเงินนักกีฬาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ จ่ายเงินครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งจะแบ่งจ่ายภายใน 4 ปี หรือจ่ายเต็มจำนวน แต่เงินรางวัลจะลดลง
โดยนักกีฬาที่ได้เหรียญทอง จะได้รับเงินจำนวน 12 ล้านบาท (แบ่งจ่าย 4 ปี) หรือ 10 ล้านบาท (จ่ายเต็ม) นักกีฬาที่ได้เหรียญเงิน จะได้รับเงินจำนวน 7.2 ล้านบาท (แบ่งจ่าย 4 ปี) หรือ 6 ล้านบาท (จ่ายเต็ม) ขณที่นักกีฬาที่ได้เหรียญทองแดง จะได้รับเงินจำนวน 4.8 ล้านบาท (แบ่งจ่าย 4 ปี) หรือ 4 ล้านบาท (จ่ายเต็ม) ซึ่งนักกีฬาสามารถเลือกรับเงินรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น โดยหลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขและวิธีการจ่ายเงินอัดฉีดออกมา หลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เงินอัดฉีดของประเทศอื่นเป็นอย่างไร
สำหรับประเทศที่มอบเงินอัดฉีดให้กับนักกีฬามากที่สุด ได้แก่ ฮ่องกง (เหรียญทอง 27.2 ล้านบาท) สิงค์โปร์ (เหรียญทอง 26.1 ล้านบาท) ไต้หวัน (เหรียญทอง 25.5 ล้านบาท) และไทย (เหรียญทอง 12 ล้านบาท) ซึ่งเงินรางวัลสำหรับเหรียญอื่น ๆ ก็จะลดหลั่นกันลงไป ขณะที่ประเทศที่มักจะได้รับเหรียญรางวัลกันเยอะ อาทิ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และออสเตรเลีย จะมอบเงินอัดฉีดให้นักกีฬาโดยเฉลี่ย 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเงินรางวัลของนักกีฬาไทยที่ไปโอลิมปิกในครั้งนี้ยังไม่นับรวมเงินสนับสนุนจากภาครัฐ หรือของรางวัลอื่น ๆ จากภาคเอกชน ซึ่งอาจถูกมอบให้ในภายหลัง ไม่ว่าอย่างไรอย่าลืมส่งกำลังใจให้เหล่ากองทัพนักกีฬาไทยสู้สุดใจ และคว้าชัยในการแข่งขันโอบิมปิกในครั้งนี้ไปด้วยกัน
อ้างอิง
- https://www.pptvhd36.com/sport/news/229538
- https://www.esquire.com.au/sports/countries-that-pay-athletes-for-olympic-medals/
