“ถ้าโกลด์ โรเจอร์ ไม่เริ่มยุคสมัยแห่งโจรสลัด” “ถ้าเอสหมัดเพลิงไม่ได้ถูกจับ”
“ถ้าพวกเราไม่ได้ถูกเรียกไปร่วมสงครามมารีนฟอร์ด”
“ถ้าฉันไม่ได้ติดอยู่ใต้ขาของยักษ์นั่น”
“ถ้าสายสะพายปืนไม่พัง”
“หรือถ้าฉันไม่ได้ยินเสียงของชายคนนั้น (ลูฟี่)”
“สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ มันเปลี่ยนชีวิตฉันไปทีละนิด”
“ถ้าฉันรอดไปได้ สักวันฉันเองจะมีผลต่อชีวิตของใครบ้างหรือเปล่านะ”
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่อนิเมะชื่อว่า ‘One Piece’ ถือกำเนิดเกิดขึ้นมา ในตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 25 ปีแล้ว ที่พวกเราต่างออกเดินทางไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ร่วมกับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ได้เห็นมิตรภาพ ความรัก ความผูกพัน และความเจ็บปวด ได้เห็นว่าในโลกแห่งจินตนาการมันสอนอะไรเราได้บ้าง กล้าที่จะเผชิญหน้า กล้าที่จะเดินทางตามความฝัน กล้าที่จะไม่ย่อท้อต่ออะไรง่าย ๆ ที่สำคัญเรากล้าที่จะรักใครได้มากขึ้น เพราะอย่างน้อยตัวละครจาก One Piece ก็ทำให้เราหลงรักพวกเขาอย่างสุดหัวใจ
หลังจาก Toei Animation ประกาศงดออกอากาศอนิเมะและจะกลับมาฉายอีกครั้งในเดือนเมษายน ปี 2025 เพื่อเตรียมความพร้อมกับการสร้างอนิเมะองค์สุดท้ายของเรื่อง บรรดาแฟนการ์ตูน One Piece ต่างพากันโศกเศร้าที่ต้องตั้งตารอไปอีก 6 เดือน แต่ถึงกระนั้น Toei Animation ก็ได้เสิร์ฟของขวัญล้ำค่าชิ้นสำคัญมาให้ นั่นคือ One Piece ตอนพิเศษ One Piece Fan Letter จดหมายจากแฟนคลับถึงกลุ่มหมวกฟาง เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี One Piece
เนื้อหาภายในตอนพิเศษนี้ดัดแปลงมาจากนิยาย Staw Hat Stories จากเรื่อง One Piece โดยได้ผู้กำกับ เมงุมิ อิชิทานิ ที่เคยกำกับภาพหลายตอนสำคัญในอนิเมะ One Piece มารังสรรค์ของขวัญอันแสนพิเศษให้กับเหล่าแฟนคลับได้ชุ่มชื่นหัวใจ โดยเนื้อเรื่องจะพูดถึงความเป็นไปของตัวละครธรรมดาในโลก One Piece ทั้งฝั่งของทหารเรือและประชาชนคนธรรมดา ซึ่งเชื่อมโยงกับผลพวงจากสงครามและอิทธิพลของกลุ่มหมวกฟางที่มีต่อใครหลายคน ในวันนี้ SUM UP จะชวนทุกคนมาพูดคุยถึงภาพความประทับใจในอนิเมะตอนพิเศษ หากใครที่ยังไม่ได้ดูสามารถรับชมผ่านทางสตรีมมิงแพลตฟอร์ม เนื่องจากเนื้อหาต่อไปนี้มีการเปิดเผยฉากสำคัญภายในตอนพิเศษ
จดหมายจากแฟนคลับถึงกลุ่มหมวกฟาง
ช่วงแรกของอนิเมะจะฉายให้เห็นเด็กสาวผมสีส้มคนหนึ่งที่หลงใหลในตัวของนามิ พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะเดินทางไปเจอนามิที่จุดนัดพบบนเกาะชาบอนดี้ ในช่วงที่กลุ่มหมวกฟางนัดรวมตัวกันอีกครั้งหลังจากจบสงครามมารีนฟอร์ดไปได้ 2 ปี เด็กสาวคนนี้ไม่ได้ชื่นชอบนามิจากการที่เธอเป็นสาวสวยหรือโจรสลัดผู้โด่งดัง เธอรักนามิเพราะว่าต้นหนเรือคนนี้เป็นผู้หญิงที่ไม่มีพละกำลังมหาศาลเทียบเท่ากับโจรสลัดคนอื่น ๆ ไม่มีพลังจากผลปีศาจเพื่อใช้ต่อสู้กับศัตรู นามิเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่อยากออกไปผจญภัยและทำตามความฝัน
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนธรรมดาอย่างเธอก็สามารถเป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ได้ จึงเขียนจดหมายบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเธอและชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากได้รู้จักนามิ ถึงแม้ตอนสุดท้ายเธอจะนำจดหมายไปส่งไม่สำเร็จ ทว่าอย่างน้อยเธอก็มีส่วนช่วยเล็ก ๆ ที่สนับสนุนให้นามิและกลุ่มหมวกฟางสามารถออกเรือได้ ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าแฟนคลับ One Piece หลายคนอาจรู้สึกร่วมกัน เราต่างเป็นคนธรรมดาบนโลกที่ไม่พิเศษอะไร ไม่มีฮาคิ ไม่มีผลปีศาจ แต่สิ่งที่ One Piece ทำให้พวกเรามีร่วมกันคือ การได้รู้จักอิสระ ความรัก ความฝัน และการผจญภัย ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ถือว่ามันได้สร้างแรงผลักดันหรือแรงบันดาลใจบางอย่างไม่มากก็น้อยให้กับเรา
พี่ชาย น้องชาย และสิ่งที่ได้มาจากสงคราม
ในฟากฝั่งของชีวิตทหารเรือยศน้อยที่เป็นกำลังพลแสนธรรมดา พี่น้องทหารเรือในสงครามมารีนฟอร์ดต่างกำลังเพลี่ยงพล้ำจากผลกระทบที่ได้รับระหว่างการต่อสู้ของเหล่าพลเรือเอกและ 7 เทพโจรสลัด ทหารเรือผู้เป็นพี่ถูกขายักษ์ทับไว้จนได้รับบาดเจ็บ ทว่าในที่สุดก็หลุดออกมาได้ แต่ในขณะที่จะหลบหนีก็ได้ยินเสียงน้องชายที่กำลังถูกน้ำแข็งทับไว้อีกที พี่ชายลังเลที่จะช่วยเพราะด้วยความที่ไม่ชอบนิสัยกดขี่ข่มเหงของน้องชาย ทว่าขณะนั้นลูฟี่ที่กำลังต่อสู้กับพลเรือเอกก็พูดออกมาว่า เพราะเอสหมัดเพลิงคือพี่ชายของเขา ทำให้ทหารเรือคนนั้นคิดได้แล้วรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายไปช่วยน้องชายไว้ได้ทัน
หลังจากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องดี ๆ ของน้องชายตนเองได้บ้าง สงครามในครั้งนั้นถึงแม้จะบาดเจ็บ แต่เขาไม่สูญเสียน้องชายไป ขณะที่ลูฟี่ต้องสูญเสียเอสผู้เป็นพี่ชาย เรื่องนี้สะท้อนว่าการกระทำบางอย่างของตัวละครก็ส่งผลต่อชีวิตเราเช่นกัน ไม่ต่างจากพี่น้องทหารเรือคู่นั้น บางครั้งผลกระทบเพียงเล็กน้อยก็สร้างความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่ยิ่งได้ หากวันนั้นทหารเรือไม่เข้าร่วมสงครามมารีนฟอร์ด เขาจะเกลียดชังน้องชายไปอีกนานเท่าไหร่ หากวันนั้นเขาไม่ได้ยินเสียงของลูฟี่ เขาต้องสูญเสียน้องชายไปตลอดกาลหรือไม่ ในทางกลับกัน หากวันนี้เราไม่มีอนิเมะที่ชื่อว่า One Piece เราจะได้เห็นแง่มุมใหม่ของโจรสลัด รวมถึงการให้ความสำคัญกับความฝันและการผจญภัยในรูปแบบนี้หรือไม่ จะได้รู้จักกลุ่มโจรสลัดหมวดฟางหรือเปล่า
ความพิเศษของอนิเมะ One Piece Fan Letter คือการที่เราได้สวมบทบาทเป็นตัวละครนั้น ๆ ตัวละครอันแสนธรรมดาที่เฝ้าดูความรุ่งโรจน์ของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง แล้วเห็นว่าการกระทำของพวกเขาสร้างอิทธิพลต่อชีวิตเราอย่างไร เปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปทีละเล็กทีละน้อยแบบไหน ทว่าในขณะเดียวกัน ความรักและความศรัทธาของตัวละครอันแสนธรรมดาก็สามารถส่งแรงสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ให้กับกลุ่มหมวกฟางได้ เฉกเช่นเดียวกับการที่ทุกวันนี้กลุ่มหมวกฟางยังคงล่องเรือผจญภัยได้ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา เพราะว่ามีแรงสนับสนุนจากแฟนคลับทั่วโลกอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่มีพวกเขาก็ไม่มีพวกเรา ถ้าไม่มีพวกเราในตอนนี้ก็คงไม่มีพวกเขา
“เพราะมีพวกเธอ จึงมีฉันในวันนี้”