นิทรรศการ Parallel

ถึงแม้เรื่อง ‘จักรวาลคู่ขนาน’ เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดที่ยังไม่มีงานวิจัยที่แน่ชัดมารองรับ แต่ใครหลายคนก็คิดฝันอยากให้เรื่องนี้เป็นจริงขึ้น เพราะมันเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยวในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ แต่ยังมีเราอีกคนหนึ่งหรืออีกหลายตัวตนที่ได้ใช้ชีวิตในเส้นทางที่เราในจักรวาลนี้ไม่มีโอกาสได้ทำ มันคงจะดีมากหากมีจักรวาลที่เราได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ของเรายังไม่สามารถพิสูจน์การมีอยู่ของพหุจักรวาลได้ แต่ทุกความเป็นไปในสายธารจักรวาลที่ไม่จบสิ้นได้เกิดขึ้นจริงแล้วที่นิทรรศการ ‘Parallel’ ที่จะทำให้ตัวตนในอีกจักรวาลเด่นชัดขึ้นมาผ่านการจินตนาการที่ถ่ายทอดลงบนแปรงและผืนผ้าใบ

เนื่องจากบทความนี้เป็นบทความส่งท้ายคอลัมน์ ‘First Time’ และ ‘Walk a trip’ เราจึงพาทุกคนเดินทางมาที่ย่านเจริญกรุง พื้นที่ที่อุดมไปด้วยศิลปะและอาหาร พื้นที่ที่ชุบชูความเหือดแห้งทางจิตใจให้กลับมาชุ่มชื่นได้ทุกครั้งที่มาเยือน เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการ ‘Parallel’ ของจิตรกรชาวไทยอย่าง ปองพล ปรีชานนท์333Gallery at Warehouse 30 นิทรรศการภาพ Portrait ในธีม ‘What if’ ที่จะพาคุณไปสำรวจความเป็นไปได้ในจักรวาลคู่ขนาน ซึ่งเรามีโอกาสได้พูดคุยถึงจุดเริ่มต้น แนวคิด รวมถึงกระบวนการสร้างสรรค์งานศิลปะเหล่านี้

“งานชุดนี้เป็นชิ้นงานที่ผมทำขึ้นในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง ก่อนหน้านี้หลายคนมักทักว่างานส่วนใหญ่ของผมวนเวียนอยู่กับการใช้สีน้ำตาล สีน้ำเงิน และสีดำ ที่ให้ความรู้สึกมืดทมึนและเปลี่ยวเหงา กระทั่งมีน้องที่รู้จักกันแนะนำให้ลองใส่ ‘สีชมพู’ เพิ่มเข้าไปในงานดู ถึงแม้ตอนแรกจะรู้สึกแปลกประหลาดในการหยิบพู่กันจุ่มสีชมพูขึ้นมาระบายบนผืนผ้าใบ เพราะผมไม่เคยใช้สีนี้ในงานมาก่อน แต่เมื่อทำเสร็จก็พบว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่คิด แถมขับเน้นให้ภาพดูมีอารมณ์และความรู้สึกมากขึ้น ผมจึงเริ่มใช้สีชมพูเข้ามาเป็นองค์ประกอบในภาพ ก็จะเห็นได้ว่างานในช่วงแรกจะมีสีชมพูแทรกเข้ามาประปราย ซึ่งต่างจากงานชุดก่อน ๆ ที่เคยทำออกมา”

“พอผมรู้สึกเคยชินกับการใช้สีชมพูก็เริ่มอยากท้าทายตัวเองมากขึ้น จึงเริ่มใช้สีที่สดใสเข้ามาภายในงาน ประกอบกับผมมีชุดความคิดที่ว่า หากมีเราในอีกจักรวาลหนึ่งจะเป็นอย่างไร ผมจึงเริ่มออกแบบและจินตนาการว่าผู้คนในอีกมิติหรือจักรวาลอื่นมีแฟชั่น วิถีชีวิต หรือแม้กระทั่งสัตว์ในรูปแบบไหน ซึ่งผมพยายามออกแบบโดยนำสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกเราผสมรวมกับจินตนาการ ทำให้ออกมาเป็นชิ้นงานเหล่านี้”

ขณะที่ปองพลกำลังอธิบายถึงแนวคิดและที่มาของแต่ละงาน เราก็อดใจรอไม่ไหวที่จะให้เขาอธิบายถึงที่มาของงาน ‘เจ้าแมวอ้วนสีชมพู’ ซึ่งเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมอธิบายว่า ความจริงแล้วแมวชมพูตัวนี้เป็นเพียงเอเลเมนต์ประกอบในงานภาพ Portrait หญิงสาวและมหาสมุทร ในตอนแรกเขาอยากให้ผืนสมุทรนั้นเป็นสีชมพูเช่นเดียวกันกับสีผมของภาพผู้หญิง แต่เมื่อลองระบายลงไปก็พบว่าทุกอย่างมันกลมกลืนกันเกินไป จึงเปลี่ยนมาวาดสัตว์น้ำสีชมพูลงไปแทน โดยตอนแรกเขาใช้ปลาหมึกสีชมพู แต่ก็ยังไม่ถูกใจจึงลองปรึกษารุ่นน้องที่รู้จัก ก็ได้ข้อสรุปสุดน่ารักว่าใช้แมวดีกว่า จึงออกแบบแมวในจักรวาลอื่นที่มีร่างกายเป็นสีชมพูลอยตุ๊บป่องทั่วท้องมหาสมุทรแทน

หลังจากวาดรูปแมวชมพูเสร็จ เขาคิดว่าคาแรกเตอร์นี้น่าจะนำมาต่อยอดเป็นผลงานชิ้นอื่น ๆ ได้ ปองพลจึงวาดรูปเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ในบริบทอื่น ๆ รวมถึงปั้นเจ้าแมวอ้วนนี้ออกมาเป็นโมเดลอีกด้วย นอกจากงานแมวอ้วนแล้วยังมีงานอึกหนึ่งชิ้นที่เรามองว่ามันส่งผลต่อความคิดพอสมควร นั่นคือภาพผู้หญิงผมสีม่วงหลายคนยืนจ้องมองมาที่เรา ปองพลเล่าว่า แนวคิดของเขาในผลงานนี้คือการจินตนาการถึงจักรวาลที่ทุกคนมีหน้าตาเหมือนกันหมด เว้นแต่ผู้นำที่มีชุดและทรงผมที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งในจักรวาลคู่ขนานในจินตนาการของเขาทุกคนล้วน ‘เหมือนกัน’ ใครที่ ‘แตกต่าง’ ก็จะถูกมองว่าผิดปกติ ทำให้แตกต่างจากจักรวาลของเราที่ทุกคนล้วนมีความแตกต่างกันในแบบของตนเอง และที่เหล่าสาว ๆ ในภาพหันมาจ้องมองผู้ชมอย่างเรา ก็อาจสื่อได้ว่าพวกเขามองเราแปลกแยกก็เป็นได้

หลังจากที่ปองพลอธิบายภาพครบทั้งแกลเลอรี เราถามต่อว่าทำไมเขาถึงเลือกใช้แบบเป็นหญิงสาวเอเชียทั้งหมด เขาให้เหตุผลว่า ส่วนตัวเขามีความสนใจเกี่ยวกับศิลปะยุคเรเนซองค์ ซึ่งทุกภาพในนิทรรศการนี้ล้วนใช้เทคนิควิธีการวาดและลงสีแบบสมัยก่อน เพียงแต่เขาศึกษาและนำมาประยุกต์ใช้ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น หากมองเข้าไปใกล้ ๆ ภาพก็จะพบว่าภาพมีความละเอียดเป็นอย่างมาก มากเสียจนกระทั้งเห็น ‘เส้นเลือดฝอย’ ของผู้หญิงในภาพเลยทีเดียว ขณะที่เขาศึกษาชิ้นงานเก่า ๆ ของศิลปินสมัยก่อนก็พบว่า แบบวาดส่วนใหญ่ของพวกเขาล้วนเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันกับศิลปิน ปองพลจึงเลือกใช้แบบหญิงสาวเอเชียที่เป็นชาติพันธุ์เดียวกันมาเป็นแบบ เพื่อนำเสนอความเป็นศิลปินเอเชียในผลงาน 

นอกจากนี้เรายังเห็นถึงความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของศิลปินที่ทำให้เรารู้สึกนับถือและชื่นชม ตัวอย่างเช่น ปองพลเลือกออกแบบกรอบของภาพไปพร้อม ๆ กับการร่างภาพ เขาออกแบบให้กรอบภาพคล้ายหน้าต่างของยานอวกาศ และระบายสีฟ้าไปยังกรอบผ้าใบของภาพ ทำให้เมื่อแสงจากหลอดไฟส่องลงมา มันเหมือนกับว่ามีหลอดไฟสะท้อนแสงสีฟ้าออกมาจากภาพ เมื่อได้ฟังเราก็รู้สึกประหลาดใจจนต้องหันไปถามว่าคิดละเอียดขนาดนี้จริงหรือ ปองพลเสริมว่าเขาคิดเผื่อแม้กระทั่งเรื่องของแสงในแกลเลอรีว่าแสงไฟจะตกกระทบภาพในมุมไหนอย่างไร ทำให้เรารู้สึกว่านอกจากเขาจะเขียนภาพได้ละเอียดแล้ว เขายังมีกระบวนการคิดที่ละเอียดอีกด้วย โดยไม่ละทิ้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ 

อย่างไรก็ตาม Parallel เป็นอึกหนึ่งนิทรรศการที่เปิดช่องให้เราคิดและจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่เหนือการรับรู้ของเรา มีทั้งความสนุกจากการจินตนาการถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ และแง่คิดที่สะท้อนผ่านผู้คนในจักรวาลอื่นที่เราไม่มีวันล่วงรู้ได้ และอย่าหลงลืมว่านี่คือผลสัมฤทธิ์ของศิลปะ มันพาคุณไปตั้งคำถาม สำรวจ และสะท้อนออกมา นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมศิลปะยังคงสำคัญและมีคุณค่าของมันอยู่ ไม่ว่าผลกระทบของมันจะแสดงออกมาในเชิงประจักษ์หรือไม่ แต่คุณไม่มีวันดำรงอยู่โดยปราศจากมันได้ มันจะหมุนเวียนรอบตัวคุณเหมือนอากาศที่หายใจ และยังคงงอกเงยขึ้นมาใหม่เหมือนป่าที่ได้รับฝน ถึงแม้นี่จะเป็นคอลัมน์ศิลปะและไลฟ์สไตล์ชิ้นสุดท้าย แต่อย่ากังวลเพราะยังมีพื้นที่อีกมากมายที่ให้ความสำคัญกับผู้คนและศิลปะอยู่เสมอ