ก่อนที่จะไปสาธยายเรื่องความเจ็บปวดหรือความเป็นชาย ต้องมาทำความเข้าใจคำว่า ‘ปิตาธิปไตย’ กันก่อน ปิตาธิปไตยเป็นแนวคิดในระบบสังคมนิยมแบบหนึ่งที่เพศชายมีอำนาจในทางการเมืองและเอกสิทธิ์ทางสังคม รวมถึงมีบทบาทสำคัญในทางศาสนาและประเพณีเหนือเพศอื่น โดยสังเกตจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ซึ่งชุบชูเพศชายให้มีหน้าที่สลักสำคัญไม่ว่าจะเป็นในทางการเมือง กฎหมาย ศาสนา และวัฒนธรรม ถึงแม้ในสังคมสมัยใหม่เราจะมีโอกาสได้เห็นเพศอื่นเข้ามามีบทบาททางสังคมมากขึ้น แต่ปิตาธิปไตยยังคงเหมือนมวลสารล่องหนที่เวียนวนอยู่ในวิถีชีวิตและกลืนกลายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งจนเราไม่ทันสังเกต เพราะถึงแม้ระบบทางสังคมจะทุบทำลายให้ปิตาธิปไตยเปราะบางลงแล้ว แต่ระบบทางความคิดยังคงแข็งและเปลี่ยนแปลงได้ยากอยู่
เพราะมันฝังรากลึกในหัว
ปิตาธิปไตยไม่เพียงแสดงอำนาจทางสังคมเท่านั้น แต่มันแสดงออกผ่านทางความคิดที่ส่งต่อมารุ่นสู่รุ่นกับวาทกรรมที่ว่าเพศชายต้องเป็นผู้นำและแข็งแกร่ง ซึ่งมันทำร้ายเด็กชายที่กำลังจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่มานักต่อนัก โดยการยัดเยียดชุดความคิดและภาระหน้าที่ซึ่งผูกติดกับความเป็นเพศ อาทิ ผู้ชายต้องเป็นผู้นำครอบครัว ผู้ชายต้องได้เข้ารับการฝึกอบรมทางการทหาร ผู้ชายต้องบวชและเป็นหัวหน้าเกี่ยวกับศาสนพิธี รวมถึงมายาคติทางความคิดที่ผู้ชายต้องเสียสละ ผู้ชายห้ามร้องไห้และอ่อนแอ ซึ่งการแบกรับความคิดแบบชายเป็นใหญ่ก็มีผลเสียที่กระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเพศชายเช่นกัน
ในงานวิจัย Critical Overview of Patriarchy, Its Interferences With Psychological Development, and Risks for Mental Health ที่เผยแพร่ในปี 2023 เกี่ยวกับผลกระทบของแนวคิดปิตาธิปไตยที่มีต่อสุขภาพจิตระบุว่า ผลกระทบจากแนวคิดปิตาธิปไตยส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสุขภาพจิตในเชิงประจักษ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสตรีและชุมชนขนาดเล็ก แต่ขณะเดียวกันมันก็ส่งผลเสียร้ายแรงระยะยาวต่อเพศชายด้วย ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เจ็บปวดจากการกดขี่ทางสังคมและทางความคิด แต่ผู้ชายเองก็ได้รับผลเสียเช่นกันเพียงแต่ต่างรูปแบบและบริบทออกไป
ความเจ็บปวดที่ไม่ต่างกัน
การแบกรับภาระหน้าที่ทางสังคมและความคาดหวังจากครอบครัวก็สามารถทำให้ผู้ชายเจ็บปวดได้ไม่ต่างจากเพศอื่น เพราะผู้คนในแต่ละเพศต่างแบกรับข้อจำกัด เงื่อนไข และความคาดหวังไว้ต่างกัน ลูกชายต้องเป็นผู้นำครอบครัว ลูกสาวต้องเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี และมองว่าลูกที่มีเพศทางเลือกเป็นความผิดพลาดที่ต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนเจ็บปวดจากสาเหตุที่ต่างกัน แต่เราล้วนมีบาดแผลซึ่งเกิดจากความคิดและความไม่รู้ ไม่รู้ว่าเพศหญิงก็เข้มแข็งและเป็นผู้นำได้ ไม่รู้ว่าเพศชายไม่มีความจำในการเสียสละ ไม่รู้ว่าเพศทางเลือกอื่น ๆ นั้นไม่ใช่ความผิดพลาด หากแต่เกิดจากความจงใจทางธรรมชาติ เพราะความไม่รู้ในอดีตทำให้ผู้คนในปัจจุบันนั้นเจ็บปวด แต่กาลเวลานำพาองค์ความรู้มาสู่เราแล้ว เหลือแค่เราจะน้อมรับความรู้เหล่านั้นมาหรือไม่
สุดท้ายแล้วปิตาธิปไตยไม่ใช่แค่เรื่องของเพศใดเพศหนึ่ง แต่เป็นเรื่องคนทุกเพศที่จะตระหนักเห็นว่าระบบความคิดแบบนี้มันไม่เพียงแต่จะทำร้ายผู้ชายหรือผู้หญิง แต่มันทำร้ายคนทุกคนรวมถึงเด็กที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ด้วย