เลือกตั้งขั้นต้นประธานาธิบดีสหรัฐ

การเมืองศึกเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกากำลังได้เริ่มขึ้นแล้ว และเป็นไปอย่างคึกคัก แน่นอนว่าทั่วโลกล้วนให้ความสนใจไปที่ผู้นำโลกเบอร์หนึ่งอย่างสหรัฐอเมริกา เพราะการเลือกตั้งของประเทศพี่ใหญ่นั้นมีความหมายต่อระเบียบโลกมาก ไม่ว่าจะเป็นการเมืองระหว่างประเทศ รวมไปถึงเศรษฐกิจของโลกย่อมมีผลที่ได้มาจากการออกนโยบายของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน

และที่น่าจับตาคือ “การเลือกตั้งขั้นต้น” เปรียบเสมือนศึกสนามแรกของผู้ลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และยังเป็นศึกวัดพลังกันภายในพรรคของพรรคใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกาอย่างพรรคริพับลิกัน และเดโมแครต ว่าใครนั้นจะเป็นตัวแทนของพรรคในการท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และยังเป็นแบบประเมินวัดเสียงประชาชนก่อนเลือกตั้งจริงอีกด้วย

ความเป็นมาของ “เลือกตั้งขั้นต้น”

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นมาโดยต้องย้อนไปในปี ค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) พรรคเดโมเครตยุคนั้นเปรียบเสมือนพรรคการเมืองทั่วไปในโลกใบนี้ที่มักอยู่ภายใต้การควบคุมของนายทุนพรรคและผู้มีอิทธิพลในพรรค แน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้สามารถกำหนดให้ใครขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีก็ได้ แต่เมื่อการเมืองโลกเสรีประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน คนรุ่นใหม่สนใจการเมืองบวกกับกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามภายในประเทศสหรัฐอเมริกา

จุดแตกหักเกิดเมื่อรองประธานาธิบดี ฮิวเบิร์ต ฮัมฟรีย์ ซึ่งมีนายทุนพรรคหนุนหลัง ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหาประธานาธิบดีในการเลือกตั้งขั้นต้นแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ผู้คนที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตที่มาร่วมประชุมใหญ่ของพรรคในชิคาโก รวมตัวกันประท้วงครั้งใหญ่ ในขณะที่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงและความโกรธก็อบอวลไปทั่วภายในที่ประชุม

ขณะเดียวกันช่วงปลายปีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานำไปสู่การเลือกตั้งที่พรรคเดโมแครตพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคริพับลิกัน ทำให้ริชาร์ด นิกสัน แห่งพรรคริพับลิกันได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไป

พรรคเดโมแครตได้เห็นปัญหาดังกล่าว จึงได้เริ่มการปฏิรูปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนกระบวนการเสนอชื่อและมีแนวทางเพื่อปรับปรุงวิธีการสรรหาผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้กำหนดแนวปฏิบัติเพื่อนำประชาธิปไตยขนาดเล็กเข้ามาในกระบวนการมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการดำเนินนโยบายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ เพิ่มการเป็นตัวแทนของผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยในคณะผู้แทน และสร้างกฎระเบียบของพรรคในแต่ละรัฐที่พยายามทำให้แน่ใจว่าตัวเลือกของผู้ลงคะแนนเสียงจะสะท้อนให้เห็นได้ดีขึ้นในการคัดเลือกผู้แทนระดับชาติในที่สุด ชุดแนวทางที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างระบบสัดส่วนที่สอดคล้องกันมากขึ้น เช่น ระบบการแสดงสัดส่วนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ทำให้ผู้แทนที่มีเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ของรัฐที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้จริงๆ ผิดจากในอดีตซึ่งโดยปกติจะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้นำพรรคคนวงในพรรค ที่สามารถควบคุมคะแนนเสียงทั้งหมดของคณะผู้แทนของรัฐได้

ต่อมาพรรคคู่แข่งของพรรคเดโมแครต อย่างพรรคริพับลิกันเริ่มเห็นแนวทางนี้ทำห้เกิดประโยชน์ในแง่สะท้อนเสียงของผู้สนับสนุน และไม่ต้องมีกระบวนการเลือกตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งบ่อยครั้ง (จากอดีตที่ต้องมีกระบวนการนับคะแนนผู้ที่เป็นตัวแทนของพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 103 ครั้ง แต่เมื่อมีระบบเลือกตั้งขั้นต้นมักจะได้เห็นผู้ชิงตำแหน่งประธานธิบดีในการนับคะแนนครั้งแรก) มากนักหากเอาระบบนี้มาใช้ จึงเริ่มนำขบวนการเลือกตั้งขั้นต้นมาใช้ นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน การเลือกตั้งขั้นต้น จึงถือว่าเป็นระบบสรรหาของพรรคการเมืองที่เริ่มต้นในฤดูกาลเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาเรื่อยมา

กระบวนการ

แน่นอนว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดี รวมถึงการเลือกตั้งตัวแทนของพรรคเพื่อไปสู่ผู้นำประเทศอย่างตำแหน่งประธษนาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ย่อมมีคนไม่น้อยอยากมุ่งไปสู่ทำเนียบขาว และแต่ละคนก็มีแนวคิดเกี่ยวกับวิธีการทำงาน นโยบายของรัฐบาลที่แตกต่างกันออกไป กลุ่มคนที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันจะสังกัดพรรคการเมืองเดียวกัน เป็นที่มาของการเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมคอคัส ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากแต่ละพรรคเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคของตน

การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งขั้นต้นที่สำคัญเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ การประชุมนี้นำไปสู่การเลือกตัวแทนซึ่งจะไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ระดับประเทศของพรรค รัฐที่ได้รับความสนใจมากคือ ไอโอวา นิวแฮมป์เชียร์ เนวาดาและเซาท์แคโรไลนา ซึ่งผลการเลือกตัวแทนของรัฐเหล่านี้มักจะชี้ว่าใครจะได้รับเสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคนั้นๆ

สู่อนาคตที่คาดเดาได้

แน่นนอนว่าการเลือกตั้งขั้นต้นมักนำไปสู่อนาคตที่คาดเดาได้ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา เพราะเราจะสามารถรู้ได้เลยหากการเลือกตั้งขั้นต้นมีผลออกมาว่าใครในพรรคนั้นๆ ที่จัดเลือกตั้งขั้นต้นมีคะแนนสูงสุดเขาคนนั้นจะกลายเป็นเบอร์ของพรรคนั้นๆ ที่มีลุ้นจะท้าชิงไปสู่บัลลังก์ทำเนียบขาว

ณ ขณะนี้ที่น่าจับตาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา ขณะนี้พรรคริพับลิกันได้มีการจัดเลือกตั้งขั้นต้นในหลายๆ รัฐ ซึ่งทรัมป์สามารถชนะการเลือกตั้งขั้นต้นในรัฐใหญ่อย่างไอโอวา ขณะที่ผู้ท้าชิงที่เรียกได้ว่าสูสีกับเขาภายในพรรคริพับลิกันอย่าง รอน เดอซานติส ก็ถอนตัว จึงต้องจับตาไปที่รัฐนิวแฮมเชียร์ที่ ทรัมป์ ต้องเจอคู่แข่งอย่าง นิกกีย์ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติและอดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์ แคโรไลนา หากสมรภูมินี้ ทรัมป์ ชนะอีกนั่นหมายความว่าย่อมสร้างความมั่นใจในการปูเส้นทางสู่ผู้แทนพรรคริพับลิกันในการสู้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกด้วย

เพราะฉะนั้น “การเลือกตั้งขั้นต้น” นั้นสำคัญต่อพรรคการเมืองและอนาคตของสหรัฐอเมริกาหากเลือกตั้งขั้นต้นมีแนวโน้มออกมาว่าใครได้คะแนนสูงสุดนั่นหมายความเราจะเห็นหน้าค่าตาของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในทันที

ศึกเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาจึงน่าจับตา หากริพับลิกันและ ทรัมป์ มีคะแนนเต็งหนึ่งมาในหลายๆ รัฐ รวมถึงมีผู้ใช้สิทธิมาลงคะแนนให้พรรคริพับลิกันอย่างท่วมท้น นั้นหมายความว่าสหรัฐอเมริกาอาจมีประธานาธิบดีที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกก็เป็นได้

อ้างอิง

CREATED BY

ชอบเล่าเรื่องการเมือง ชอบพบเจอผู้คน สนุกกับการพูดคุย ชอบดูการ์ตูน อ่านหนังสือ ที่สำคัญติดบ้าน ติดดิน แต่ไม่ติดลม