‘ทราย สก็อต’ ทายาทสิงห์รุ่นที่ 4 กับภารกิจพิทักษ์ทะเล

22 เมษายน 2568

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลายคนน่าจะได้เห็นกระแสข่าวเกี่ยวกับ ‘ทราย สก็อต’ และประเด็นต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวกับท้องทะเลไทยและระบบนิเวศ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจที่ต้องตามกันต่อ เดี๋ยวเรามาค่อย ๆ ไล่เรียงและทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ทำความรู้จักกับ ‘ทราย สก็อต’ ทายาท ‘สิงห์ คอร์เปอเรชั่น’ รุ่นที่ 4

ทราย-สิริณัฐ สก็อต เป็นลูกครึ่งไทย-สกอตแลนด์ ปัจจุบันอายุ 28 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านแอนิเมชัน ภาพยนตร์ และวิดิโอ จาก California Institute of the Arts ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เขายังเป็นทายาทรุ่นที่ 4 แห่งตระกูล ‘สิงห์ คอร์เปอเรชั่น’

จุดเริ่มต้นของความหลงใหลในท้องทะเล

ในวัยเด็กเขาได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลและการอนุรักษ์ จนทำให้ความรักที่เขามีต่อทะเลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมา ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นการจัดแสดงโชว์สัตว์ที่สวนสัตว์ และมองว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เขาเคยมีความฝันที่อยากจะทำงานด้านศิลปะหรือทำแอนิเมชัน แต่หลังจากที่ไปศึกษาเล่าเรียนและกลับมาเมืองไทยก็พบว่า ผู้คนรอบตัวไม่ค่อยตระหนักถึงการรักษาทรัพยากรเท่าไหร่ เขาจึงได้เริ่มทำงานในบทบาทของนักอนุรักษ์

ก่อตั้ง Sea You Strong ว่ายน้ำข้ามทะเลฝั่งอันดามัน และทำหนังสั้น Merman

ในเวลาต่อมา เขาได้ก่อตั้ง Sea You Strong ซึ่งเป็นโครงการที่อยากชวนทุกคนหันมาให้ความสนใจและอนุรักษ์ทะเลไทย เพราะในห้วงเวลาที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ใต้ท้องทะเล เขาพบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับทะเลเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ขยะใต้ทะเล มลพิษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากเรือ และในปี 2565 เขาเคยเผยแพร่คลิปวิดิโอว่ายน้ำไป-กลับเกาะปอดะและอ่าวนาง ระยะทางรวม 30 กม.

ต่อมาในปี 2566 เขาก็ได้ทำภารกิจว่ายน้ำข้ามทะเลฝั่งอันดามัน ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระยะทางรวมประมาณ 70 กม. ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Sea You Strong : หยุด bully ทะเล นอกจากนี้เขายังเคยนำองค์ความรู้ที่เรียนมาจัดทำเป็นภาพยนตร์สั้นเรื่อง Merman เพื่อสะท้อนภาพให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายใต้ท้องทะเล โดยสามารถเข้าไปรับชมได้ที่ https://youtu.be/CpWRbpqnQk8 ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทุกสิ่งที่เขาพยายามทำก็เพื่อต้องการสื่อสารให้ทุกคนหันกลับมาให้ความสนใจเกี่ยวกับทะเลและระบบนิเวศ

สรุปประเด็นดรามาที่กำลังเกิดขึ้น

ทราย สก็อต เคยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาสาและที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ ก่อนจะประกาศยุติบทบาทผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2568

ต่อมาวันที่ 15 เมษายน 2568 เขาได้มีการโพสต์คลิปตักเตือนนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติด้วยการทักทายเจ้าหน้าที่ว่า “หนีห่าว” โดยระบุว่า นี่จะเป็นคลิปสุดท้ายในฐานะเจ้าหน้าที่ และหลังจากที่คลิปนี้เผยแพร่ไปก็มีกระแสดรามาตามมา บางคนก็มองว่านี่เป็นการกระทำที่สมควร แต่บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว
ในระหว่างนั้น นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ออกมายืนยันว่า ยังไม่มีการปลดทราย สก็อตออกจากตำแหน่งใด ๆ เพียงแค่มีการตักเตือนในการทำงานเท่านั้น ทั้งในเรื่องของการทำคอนเทนต์ การขออนุญาตเข้าพื้นที่ และมีผู้ประกอบบางส่วนร้องเรียนเข้ามา
ต่อมาวันที่ 19 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานได้มีการทำเอกสารรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทราย สก็อต ร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมอุทยานฯ โดยในเนื้อหามีเรื่องของการใช้อุปกรณ์เครื่องมือของราชการทำกิจกรรมส่วนตัวและคอนเทนต์โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
วันที่ 21 เมษายน 2568 อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ได้สั่งปลดทราย สก็อตออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลที่ว่า “พฤติกรรมไม่เหมาะสมและได้รับการตักเตือนแต่ไม่ยอมรับการแก้ไข” ทั้งนี้ คำสั่งปลดนี้มีขึ้นหลังจากที่ทางทราย สก็อตโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า “ผมพร้อม! ชวนอธิบดีมาคุยกันตัวต่อตัวบนรายการถ่ายทอดสด…ทะเลเขารอผมอยู่”

นอกจากนี้ ทราย สก็อตยังถูกบริษัทผู้ประกอบการภูเก็ตฟ้องร้อง 2 ข้อหา โดยทางนายวรานนท์ ณ ตะกั่วทุ่ง ประธานกรรมการบริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวไทยพีบีเอส โดยมีใจความโดยสรุปว่า ก่อนหน้านั้น ทราย สก็อตได้โพสต์คลิปนักท่องเที่ยวทำกิจกรรมทางน้ำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อนำมารวมกัน และมีที่มาจากคนละที่ คนละเวลากัน ซึ่งมีภาพเรือของบริษัท ไทยมารีน เอ็กคลูซีพ โวยาจ จำกัดติดอยู่ในคลิป บวกกับคำบรรยายที่ได้เขียนถึงบริษัท ไทยมารีน (ภูเก็ต) ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเรือ โดยข้อมูลดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ไปส่งผลให้บริษัทถูกเข้าใจผิดและได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ปัจจุบันคลิปดังกล่าวยังไม่ได้ถูกลบออกไป ส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัทฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทและละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และปัจจุบันอยู่ในกระบวนการรอพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก