หากมีคนทำร้ายคุณ สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือความโมโห จากนั้นในสมองจะเต็มเปี่ยมไปด้วยสารพัดวิธีคิดที่ปรารถนาจะเอาคืนและแก้แค้น ด้วยสัญชาตญาณการตอบสนองแบบนักล่า แต่เก็บเรื่องกระบวนการวิวัฒนาการไว้ก่อน โดยปกติมนุษย์อยากเอาชนะทุกสิ่งอยู่แล้ว แต่คุณก็รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงคือทัวร์นาเมนต์ที่ไม่มีใครยืนหนึ่งไปตลอดกาล และหากคาดคะเนแล้วพบว่าการดำรงตนอยู่นิ่งเงียบดีกว่าการบุกบ่าฆ่าฟันเพื่อล้างแค้น การตอบโต้เท่าที่จำเป็นก็อาจจะดีกว่า
แต่ก่อนที่จะไปดูว่าทำไมการแก้แค้นไม่ส่งผลดีอย่างยั่งยืน มาทำความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าทำไมเรามักโหยหาการแก้แค้นอยู่เสมอ ในงานวิจัย The neural basis of altruistic punishment ที่เผยแพร่ในปี 2004 เกี่ยวกับการแสกนสมองของผู้เข้าร่วมการทดลองที่ถูกหักหลังในเกมจำลอง พบว่า เมื่อผู้เข้าร่วมถูกหักหลังในเกม พวกเขาคิดที่จะแก้แค้นก่อนเป็นอันดับแรก และจากการแสกนคลื่นสมองพบว่าขณะที่ผู้เข้าร่วมมีความคิดที่จะแก้แค้น เกิดการเปลี่ยนที่สมองในส่วน Striatum ซึ่งเป็นสมองส่วนในที่จะถูกกระตุ้นเมื่อร่างกายได้รับรางวัลและสารเสพติด
ด้วยเหตุนี้จึงพออนุมานได้ว่า การแก้แค้นคือของหวานสำหรับสมอง เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว ทว่าของหวานนี้กลับมีรสขมติดที่ปลายลิ้นมาด้วย งานวิจัยดังกล่าวยังระบุอีกว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักรู้สึกผิดหลังจากที่ได้แก้แค้น ขณะที่ผู้คนบางส่วนรู้สึกว่ามันกลายเป็นความทุกข์ระยะยาวเสียมากกว่า เนื่องจากการแก้แค้นคือการตอบสนองทางอารมณ์แบบชั่วคราว ทว่าผลของการแก้แค้นมันกลับกลายเป็นเป็นความรู้สึกแย่ในระยะยาว
ข้อสรุปคือ ผู้เข้าร่วมเกือบทั้งหมดรู้สึกว่าการแก้แค้นไม่ได้ดีเสมอไป เพราะสุดท้ายแล้วต้องหวาดกลัว เครียด วิตกกังวลกับผลที่ตามมาในการกระทำครั้งนั้น ๆ ซึ่งดูเหมือนเป็นความทุกข์ในระยะยาวมากกว่าการเผชิญหน้ากับความแค้นที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ถึงแม้ยังมีคนบางส่วนมองว่าการแก่แค้นเป็นความยุติธรรมที่จับต้องได้มากที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนที่น้อยมาก
จากการสำรวจเพิ่มเติมพบว่า ความรู้สึกหลังการแก้แค้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ หมายความว่าคุณจะรู้สึกว่าการแก้แค้นครั้งนั้นมันหวานหอมก็ต่อเมื่อผลจากการกระทำในครั้งนั้นมันออกมาดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการชำระแค้นในครั้งนั้นมันเลือดเย็นและเฉียบคมขนาดไหน นั่นจึงทำให้เกิดวิถีทางการแก้แค้นใหม่ที่อาจได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น
ในงานวิจัย Writing about the Benefits of Interpersonal Transgression Facilitates Forgiveness ที่เผยแพร่ในปี 2006 เกี่ยวกับการส่งต่อข้อความจากผู้ที่เคยได้รับความเจ็บปวดจากการกระทำของคนอื่น พบว่าการเก็บกุมความแค้นไว้ในใจจะสร้างแรงผลักดันให้ชีวิตมั่นคงและแข็งแรงมากขึ้น หากอดทนรอให้พลังลบเหล่านั้นกลายเป็นพลังบวก พวกเขาค้นพบว่าตนเองเติบโตขึ้น ฉลาดขึ้น และเรียนรู้จากความผิดพลาดได้มากขึ้น
จึงอาจกล่าวได้ว่า การให้อภัยคือการแก้แค้นที่หอมหวานที่สุด ปล่อยให้ตัวเองได้พ่ายแพ้บ้างถึงแม้บางสถานการณ์มันจะดูไม่ยุติธรรม แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งล้ำค้าที่ได้จากการให้อภัยคือการตระหนักรู้ถึงความเป็นไปของโลกที่เน่าเฟะใบนี้ แล้วมันจะไม่มีใครหน้าไหนเหิมเกริมมาทำร้ายให้คุณรู้สึกโกรธแค้นได้อีก