ในขบวน Pride Parade ของงาน Bangkok Pride เมื่อช่วงเริ่มต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีกลุ่ม Community หนึ่งที่ดูแตกต่าง น่าสนใจ และทำให้เราอยากเข้าไปค้นหาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเราเดินเข้าไปยังพื้นที่ที่พวกเขานั่งรวมตัวกันอยู่ เราจึงเห็นป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่เขียนชื่อกลุ่มคนในบริเวณนี้ว่า ‘Fetish & BDSM Community’
พื้นที่อัฒจันทร์ในอาคารที่จัดไว้เพื่อเตรียมตัวให้ผู้ร่วมขบวนได้แต่งองค์ทรงเครื่อง หรือจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะไปเฉิดฉายท่ามกลางสายตาผู้คนในขบวน ถูกแต่งเติมด้วยผู้คนที่แต่งตัวในรูปแบบที่หลากหลาย
มองไปตรงกลางเราก็เห็นคนแต่งชุดหมาหลากสีเหมือนขบวนการเรนเจอร์อย่างไรอย่างนั้น หันไปอีกมุมก็เห็นคนใส่ชุดมาสคอตขนฟูใบหน้ายิ้มแย้ม บางคนสวมชุดยางสู้ไฟในร่มสนามจนสะท้อนแสงวิบวับ บางคนก็สวมชุดการ์ตูนไดโนเสาร์สีสันสดใส เราสนใจจนเดินเข้าไปพูดคุย ก่อนจะพบว่าคนที่คุยด้วยคนแรกไม่ใช่คนไทย เขาจึงชี้ชวนบอกให้เราไปคุยกับพี่อีกคนหนึ่งที่พอจะบอกเล่าเรื่องราวของ Community นี้ให้เราฟังได้
SUM UP ของพาคุณไปรู้จัก Fetish & BDSM Fashion กันอย่างรวบตึง ผ่านสายตาของ ‘เอส’ เจ้าของ FORFUN Store ร้านขายชุดแฟชันแนว Fetish & BDSM ที่ตัดเย็บชุดเฉพาะให้ลูกค้ามาแล้วทั่วโลก ว่าความชอบของเขาหรือความเป็นคอมมูนนี้ มีอะไรน่าสนใจอยู่บ้าง
เราพาเขามาสวมใส่เปลือกนอก แบบเต็มเปลือกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขากันตรงนี้แล้ว

จุดเริ่มต้นของความชอบที่ห่อหุ้มเนื้อตัว
ความชอบส่วนตัวของคุณเอสนั่นคือการสวมใส่ผ้ายืดรัดรูป ประเภทยางลาเท็กซ์ โดยในวงกว้างถือได้ว่าเป็น Lifestyle ของรสนิยมหนึ่งที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งจากความชอบ และการเปิดร้าน Fetish & BDSM Fashion นั้นเอง ทำให้เขาได้เจอกับ ‘Fetish & BDSM Community’
ด้วยความเปิดกว้างที่มากขึ้นของสังคมไทย ทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา คอมมูนนี้ถูกยอมรับด้านความแตกต่างหลากหลายในวงกว้างมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งทำให้คนที่มีความชอบใกล้เคียงกันกล้าที่จะใส่ชุดยาง ชุดผ้ายืด ชุดแฟนซี ชุดมีขน หรือสวมหน้ากากมนุษย์เสมือนจริง แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเสมือนเพศหญิงออกมาใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากเป็นกันมากขึ้น แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสใส่ชุดแบบนี้จริง ๆ น้อยมาก อย่างเช่นงานที่จัดขึ้นในพื้นที่ปิดในร้าน FORFUN Store
จนเทศกาล Pride Month ที่ถูกจัดขึ้นตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เองที่พวกเขากล้าใส่ชุดตามความชอบออกมาเฉลิมฉลองให้กับความแตกต่างหลากหลายที่กำลังเบ่งบาน
ในขณะที่สัมภาษณ์ไป เราก็สังเกตเห็นเหงื่อเม็ดเป้งที่ไหลลงมาตามคางของเขา เขาเลยบอกกับเราทันทีเลยว่าเขาชอบความรู้สึกแบบนี้ บางคนถ้าไม่ชอบก็จะไม่เอาเลย แต่ที่เขายอมร้อน ยอมเหนื่อย เหงื่อท่วมตัวแบบนี้ก็เพราะคำว่า ‘ชอบ’ คำเดียวเลย
จุดเริ่มต้นของร้าน FORFUN Store
คุณเอสเปิดเผยว่าร้าน ‘FORFUN Store’ ของเขาเปิดมาได้ร่วม 10 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจากความชอบล้วน ๆ เหมือนกับชื่อร้าน “For fun” คือทำเอามันส์ล้วน ๆ ลูกค้าส่วนมากของเขาคือชาวต่างชาติที่สั่งทำชุดแบบ Custom โดยเน้นเนื้องานไปยังชุดแบบผ้ายืด หรือชุดยางลาเท็กซ์ และอุปกรณ์ประกอบในการแต่งตัว อย่างเช่น Harness (ชุดสายรัดนิรภัยที่ถูกดัดแปลงเป็นอุปกรณ์สำหรับ BDSM Fashion) หรือปลอกคอ เป็นต้น
อย่างวันที่เราสัมภาษณ์เขาเมื่องาน Bangkok Pride เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา คุณเอสก็แต่งชุด Puppy หรือชุดที่มีต้นทางการออกแบบจากสุนัชพันธุ์โดเบอร์แมน พินสเชอร์ (Doberman Pinscher) ที่ตัดเย็บขึ้นมาใหม่มาจากยางลาเท็กซ์ ในโทนสีเหลือง ดำ ขาว เพื่อร่วมเดินกับ Fetish & BDSM Community ในขบวนสีเหลืองที่ว่าด้วยแนวคิด ‘Love for identity’ ซึ่งในวันนั้นคอมมูนนี้ก็มาเข้าร่วมเดินขบวนกว่า 200 คน


ทุกคนควร ‘ได้’ ชอบอะไร แบบที่ตัวเองอยากชอบจริง ๆ
คุณเอสมองว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน แต่ละคนจะมีอะไรบางอย่างที่ทำแล้วรู้สึกมีความสุข นั่นคือจุดที่ทุกคนมี และการใส่ชุดแห่งความแตกต่างหลากหลายนี่เองคือความชอบที่พวกเขามีร่วมกัน มันคืออีกหนึ่งตัวตนในชีวิตที่พวกเขาได้แสดงออก และเป็นตัวตนที่แตกต่างจากบทบาทหน้าที่ในชีวิตปกติของพวกเขา
สำคัญไปกว่านั้นคือการเจอคอมมูนนี้ ทำให้พวกเขา Connect กันได้อย่างสนิทใจ อย่างคุณเอสเองถ้าหากเจอคนที่แต่งตัวด้วยความชอบที่เหมือน ๆ กัน ก็เดินเข้าไปทักทายได้เลยแบบง่าย ๆ แม้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นชาวต่างชาติในคอมมูนเดียวกันก็ตาม
เขาบอกกับเราว่าจริง ๆ ชีวิตที่ผ่านมาก็มีคนที่รู้จักไม่มากมายนัก คนในครอบครัว เพื่อนในสมัยเรียนอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย หรือเพื่อนร่วมงาน สุดท้ายแล้วการได้เป็นอีกตัวตน ก็ทำให้ได้พบเจอกับสังคมใหม่ ๆ ที่หลุดกรอบชีวิตแบบเดิม ซึ่งทำให้เขาได้มีปฏิสัมพันธ์และมีมุมมองทางความคิดที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
ชอบอย่างไร ให้ถูกกาลเทศะ
เราถามคุณเอสต่อว่าในมุมความชอบในการแต่งตัวแบบนี้ก็ยังคงถูกปิดกั้นจากสังคมอยู่ประมาณหนึ่ง พวกเขาทำอย่างไรให้ได้แสดงออกความชอบในพื้นที่สาธารณะได้มากขึ้น คุณเอสตอบกับเราว่าอย่างในการมางาน Pride Parade เขาย้ำกับคนในคอมมูนเสมอว่า ทุกคนสามารถแต่งกายตามความชอบได้ แต่ต้องไม่ล่อแหลมจนเกินไป เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่พวกเขาจะมีโอกาสที่จะแต่งตัวแบบนี้ออกมาข้างนอกมากนัก แต่เขาจะแต่งตัวกันเฉพาะงานที่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงออกเท่านั้น
พวกเขารู้เสมอว่าความเป็นจริงของสังคมไทยนั้น สิ่งนี้ถือว่าเปิดกว้างเพียงประมาณหนึ่งเท่านั้น ยังมีผู้คนอีกมากมายที่อาจไม่ยอมเปิดรับ และคุณเอสก็มองว่าการแต่งตัวตามความชอบออกไปเดินเล่นในชีวิตจริง อาจกลายเป็นการรบกวนสิทธิของผู้อื่น แม้ในยุคสมัยที่โลกพัฒนาความเข้าใจของผู้คนออกไปเรื่อย ๆ แต่เขามองว่าการจะใส่ชุดแฟนซีแบบนี้ออกไปซื้อกับข้าวได้ยังเป็นเรื่องยาก และยังต้องการการเข้าใจของผู้คนอยู่
อย่างก่อนที่จะมีงาน Pride Parade ให้พวกเขาได้ออกมาแสดงความชอบกันอย่างเป็นสาธารณะร่วม 3 ปี พื้นที่ที่พวกเขามีสิทธิ์ในการแสดงออกโดยพื้นฐานเลยคือ ‘500 Cafe’ ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่คุณเอสสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับรองรับการแสดงออกทางความชอบนี้ในทุกวันศุกร์ และวันเสาร์ของสัปดาห์ เมื่อถึงวันนั้นเราจะได้เห็นผู้คนใส่หัวหมาแฟนซี นั่งกินกาแฟร่วมกันในร้านอย่างธรรมดาสามัญ
หรืองานใหญ่ของคอมมูนในช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่ชื่อ ‘Bangkok Fetish Ball’ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน รูปแบบงานคือปาร์ตี้แฟนซีที่กลุ่มผู้คนที่ชื่นชอบการแต่งตัวรูปแบบนี้สามารถสวมใส่ชุดในแบบที่เป็นตัวเองเพื่อเข้าร่วมในงานครั้งนี้ได้อย่างไม่ต้องอายใคร และเป็นพื้นที่ลปอดภัยขนาดใหญ่ที่พวกเขามีร่วมกัน

ความสำคัญของพื้นที่ปลอดภัยที่เรียกว่า ‘Bangkok Pride’
คุณเอสกล่าวอย่างเปิดใจกับเราว่างาน Bangkok Pride ทำให้เขาเห็นว่าเมืองไทยเปิดรับในเรื่องความหลากหลายทางเพศ และ Lifestyle ในรูปแบบต่าง ๆ หรือสิทธิในการแสดงออกแบบที่ทุกคนอยากเป็นตามรสนิยม หรือเพศสภาพที่แต่ละคนพึงพอใจมากขึ้น
ทุกคนรู้กันดีว่าประเทศไทยเปิดกว้างมากในเรื่องของ LGBTQIAN+ จนเพื่อนบ้านข้างเคียงทั้งสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือจีนก็อยากเดินทางมาปลดปล่อยความเป็นตัวเองที่นี่ เพราะในพื้นที่ประเทศตัวเองของพวกเขาถูกกดทับ หรือยังไม่ถูกยอมรับมากเท่าบ้านเรา แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีการปิดกั้นหรือกดทับในเรื่องของ Sex worker และ Sex toy อยู่ ซึ่งในอนาคตคุณเอสมองว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขบางเรื่องเพื่อให้สอดคล้องกันกับความหลากหลายที่กำลังเปิดกว้าง
คุณเอสเองบอกว่าตนติดตามเรื่องนี้อยู่นับสิบปีแล้ว เขาเห็นการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาข่มขืนกระทำชำเราในสภาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมเมื่อประมาณปี 2563 ซึ่งประเด็นที่พูดคุยกันยังดูไม่ใช่การแก้ปัญหาด้านนี้โดยตรงเสียทีเดียว ก่อนที่ต่อมาจะถูกพับโครงการ และเขายังคงมองว่าเร็ว ๆ นี้ อาจจะมีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อีกครั้งให้เปิดกว้างมากขึ้น โดยยังต้องมีการควบคุมดูแลอย่างจริงจังต่อไป
ข้อความเพื่อการเปิดใจที่มากขึ้นของผู้คนที่สังคมในเรื่อง Fetish & BDSM Fashion จาก ‘เอส FORFUN’
“อย่างที่ผมบอกว่าทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน อย่างผมกับเพื่อน ๆ ก็ชอบใส่ชุดนี้ มันเป็นเรื่องของรสนิยม แล้วเราก็มองว่าเราก็อยู่ในพื้นที่ของเรา เราไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน หรือไปกระทบสิทธิของใคร ผมแค่อยากฝากว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชอบแตกต่างกันไป นี่ก็คือสิ่งที่เราชอบ เป็นความหลากหลายหนึ่งที่ก็อยากให้ทุกคนเปิดใจรับ ไม่แน่ว่าจริง ๆ คนใกล้ตัว หรือคนในครอบครัวของคุณเขาอาจจะชอบสิ่งนี้อยู่ก็ได้ เพียงแต่เขายังไม่ได้บอกให้คุณได้รู้เลย”
