หากจะต้องเลือกหยิบซีรีส์สักเรื่องขึ้นมาเปิดดูซ้ำ ๆ เวลากินข้าว ตัวเลือกแรก ๆ ที่เราจะหยิบขึ้นมาเปิดดูแน่ ๆ คือ ‘Reply 1988’ ซีรีส์สัญชาติเกาหลีในตำนานที่ยังตราตรึงใจคนมายาวนานมาถึงปัจจุบัน เพราะด้วยฉากที่การล้อมวงนั่งกินข้าวสไตล์เกาหลี ทำให้การดูซีรีส์เรื่องนี้ไปพร้อมกับการกินข้าวทำให้อาหารมื้อนั้นแซ่บขึ้นมาแบบไม่มีอะไรกั้น ซึ่งนอกเหนือไปจากเรื่องอาหารเกาหลีแล้ว สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมายังมีเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ, ความทรงจำ, วัฒนธรรมต่าง ๆ
‘Reply 1988’ เป็นซีรีส์ที่เข้าฉายในปี 2015 และมีซีรีส์ที่อยู่ในตระกูลเดียวกันอีกสองตัวคือ ‘Reply 1994’ และ ‘Reply 1997’ โดยเลขต่อท้ายของแต่ละซีรีส์เป็นปี ค.ศ. ที่ซีรีส์แต่ละเรื่องจะสอดแทรกเรื่องราวและบรรยากาศของปีนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคม เศรษฐกิจ วิถีชีวิตของคน ซึ่ง Reply 1988 ก็สะท้อนเรื่องราวของปี 1988 นั่นเอง
(หลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน)

วิธีการเล่าเรื่องของ ‘Reply 1988’ คือการเล่าผ่านชีวิตของเด็กกลุ่มหนึ่งและชาวบ้านในตรอก ‘ซังมุนดง’ ด้วยความที่ละแวกบ้านไม่ได้อยู่ไกลกันมากทำให้ผู้คนที่นี่สนิทกันมาก รวมไปถึงเด็ก ๆ กลุ่มนี้ก็เช่นกัน เพราะเติบโตมาด้วยกันจนเรียนจบและมีครอบครัว โดยกิจกรรมที่เด็กกลุ่มนี้มักจะเลือกทำกันคือการโทรนัดด้วยโทรศัพท์บ้านเพื่อรวมตัวกันที่บ้านของใครสักคนเพื่อดูโทรทัศน์ หรือเล่นเกม หรือออกไปเที่ยวเล่นกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านั้นสะท้อนให้เห็นความสนุกสนานและความคลาสสิคของการใช้ชีวิตในวันที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตไม่ได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของมนุษย์อย่างในปัจจุบัน
นอกเหนือไปจากการสะท้อนเรื่องความสัมพันธ์ของมิตรภาพที่เล่าไว้ได้อย่างงดงามและอบอุ่นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้สะท้อนเรื่องวัฒนธรรมการกินและอาหารของประเทศเกาหลีใต้ อาจจะพูดได้ว่าการดูซีรีส์เรื่องนี้สามารถทำให้รู้สึกหิวข้าวได้ตลอดเวลา ซึ่งฐานะทางบ้านของเด็กมัธยมแต่ละคนสามารถวัดได้จากการห่อข้าวกลางวันมากิน บ้านใครรวยข้าวกลางวันก็จะอลังการหน่อย แต่หากบ้านใครไม่ได้มีฐานะมากกล่องข้าวกลางวันก็อาจจะเบสิคธรรมดา ๆ
นอกจากนี้วัฒนธรรมการกินไม่ได้ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่นักที่ผู้ใหญ่ควรเป็นคนกินก่อนและเด็ก ๆ ค่อยกินทีหลัง และอีกหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือการแชร์กับข้าวที่จะแลกกันไปแลกกันมาของคนในละแวกบ้านเดียวกัน โดยคนเกาหลีดูกินง่ายเหมือนกับคนไทย เน้นผัก เน้นข้าว และมักจะมีผักแกล้มเป็นกิมจิในทุก ๆ เมนูแม้กระทั่งก๋วยเตี๋ยว
อีกหนึ่งประเด็นที่ซีรีส์เรื่องนี้เล่าไว้ได้ค่อนข้างดีคือประเด็น ‘ครอบครัว’ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าตรอกซังมุนดงเป็นตรอกเล็ก ๆ ที่ผู้คนสนิทสนมกัน แต่ละครอบครัวก็จะมีเรื่องราวภายในบ้านต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่นครอบครัว ‘นางเอก’ ที่จะมีพี่น้องสามคนและตัวนางเอกเองเป็นคนกลาง บรรยากาศครอบครัวภายในบ้านนางเอกก็จะสะท้อนการเลี้ยงดูลูกแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เช่น รักลูกคนเล็ก เมินลูกคนกลาง โอ๋ลูกคนเล็ก และข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวก็คือ พ่อแม่ของเราก็เป็นพ่อแม่ครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มันจะมีเรื่องที่เขาทำถูกบ้าง ทำผิดบ้าง อาจจะหยอดไว้นิดหนึ่งว่าการเปิดซีรีส์เรื่องนี้ดูอาจจะทำให้เราเสียน้ำตากับฉากที่เกี่ยวข้องครอบครัวได้ เพราะเราทุกคนน่าจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับครอบครัวไม่ได้ต่างกันไป
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำไว้ได้ค่อนข้างดี คือเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคนกลุ่มหนึ่งให้เข้าไปถึงกลุ่มคนดู จนเรารู้สึกผูกพันธ์กับซีรีส์และตัวละคร จนหลาย ๆ คนรู้สึก Move On ไม่ได้ และเกิดคอมมูนีตี้เป็นกลุ่มในโลกเฟซบุ๊กขึ้น นอกจากนี้ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้เล่าไว้หลากหลายประเด็นและผสมไว้ได้อย่างกลมกล่อม ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงเป็นซีรีส์อมตะที่ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งก็ยังรู้สึกมีความสุขและผูกพันธ์กับกลุ่มคนในตรอกซังมุนดงอยู่เช่นเดิม