หากยังพอจำกันได้ธุรกิจบริการส่งอาหารเพิ่งเริ่มได้รับความนิยมในช่วงที่มีโรคระบาดโควิด-19 เพราะช่วงนั้นทางรัฐบาลได้สั่งให้มีมาตรการกักตัวและ Work From Home ขณะนั้น ตัวช่วยที่ทำให้เราสะดวกสบายขึ้นในการสั่งอาหารก็คือ ‘พี่ไรเดอร์’ โดยจากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยเปิดเผยข้อมูลว่า ธุรกิจบริการส่งอาหารมีมูลค่ารวม 5.31 – 5.58 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 18 – 24% นอกจากผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นแล้ว คนที่สมัครเป็นไรเดอร์ในช่วงโควิดก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกันเพราะอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นในช่วงโควิด-19 ระบาดนั่นเอง การเติบโตขึ้นของธุรกิจไรเดอร์ดูเหมือนกำลังจะไปได้ดี แต่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะมีการประท้วงด้วยแคมเปญ #หยุดเอาเปรียบไรเดอร์ เพราะมองว่าการลดค่ารอบและการไม่มีสวัสดิการที่คุ้มครองกำลังเป็นสิ่งที่เอาเปรียบชีวิตพี่ไรเดอร์อยู่

พี่ ๆ ไรเดอร์ถูกปรับค่ารอบราคาต่ำสุดอยู่ที่ 15 บาท/งาน

ข้อมูลจากทาง Rocket Media Lab เคยทำแบบสำรวจชีวิตไรเดอร์กว่าพันชีวิต และพบสถิติว่าโดยเฉลี่ยรอบที่ไรเดอร์ทำได้สูงสุดต่อวันอยู่ที่ 16 รอบ รองลงมาอยู่ที่ประมาณ 11 – 16 รอบ ตามลงมาคือ 5-10 รอบ/วัน และลดลงงมาอีกหน่อยจะอยู่ที่ประมาณ 4 รอบหรือน้อยกว่านั้น ส่วนค่าแรงของไรเดอร์ต่อรอบถูกลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 62 บาทต่อรอบ และถูกลดลงมาเรื่อย ๆ จนอยู่ที่ประมาณ 30 – 32 บาท จนมาถึงวันที่ 23 มกราคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีการปรับเรตราคาอีกครั้ง โดยราคารอบต่ำสุดอยู่ที่ 15 บาท นำมาสู่ข้อถกเถียงที่ว่าการที่แต่ละแพลตฟอร์มทำเช่นนี้กำลังเอาเปรียบไรเดอร์อยู่หรือเปล่า เพราะถ้าหากคำนวณด้วยเรต 15 บาท/รอบ X 16 รอบ (จำนวนรอบที่สูงสุด) ก็จะมีเงินรายได้ต่อวันประมาณ 240 บาท/วัน ซึ่งหากเทียบกับค่าครองชีพก็เป็นอันรู้กันว่าไม่มีทางพอแน่นอน และนำมาสู่การประท้วงของพี่ ๆ ไรเดอร์ที่มีมาเรื่อย ๆ สำหรับการประท้วงของพี่ไรเดอร์ 3 อันดับแรกที่เรียกร้อง คือ 1. ค่ารอบและค่าตอบแทน 2. ระบบรับงานและการจ่ายงาน 3. สวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน

สวัสดิการคุ้มครองที่พี่ ๆ ไรเดอร์ไฝ่ฝัน

วกกลับมาที่เรื่อง ‘สวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน’ เรื่องนี้พี่ ๆ ไรเดอร์ไรเดอร์จำนวน 64.94% อยากเข้าร่วมสหภาพแรงงานถ้าหากมี และพี่ไรเดอร์กว่า  66.2%  อยากให้มี ‘กฎหมายคุ้มครองแพลตฟอร์ม’ ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฏหมาย เปรียบเทียบง่าย ๆ คือเหมือนทำงานฟรีแลนซ์ที่รับงานมาทำงานและแยกย้าย ทางแพลตฟอร์มได้กำหนดสถานะของไรเดอร์ไว้ว่าคือ ‘พาร์ทเนอร์’ ไม่ใช่ ‘ลูกจ้าง’ และการเป็นเพียงแค่ลูกจ้างทำให้สถานะไรเดอร์ไม่ถูกคุ้มครองด้วยกฏหมาย แล้วสวัดิการอะไรกันล่ะที่ไรเดอร์อยากได้? คำตอบคือ 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. เงินทดแทนขาดรายได้เมื่อประสบอุบัติเหตุ 2. เป็นลูกจ้างแทนการเป็นพาร์ทเนอร์ และ 3. ประกันสุขภาพ จากข้อมูลพอจะเห็นภาพว่าพวกเขาอยากถูกคุ้มครองด้วยกฏหมาย

อย่างไรก็ดี คนที่ต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้คงเป็นใครไปไม่ได้ นั่นก็คือ ‘ภาครัฐ’ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทิ้งไปจากการที่ฟรีแลนซ์ไม่ได้ถูกคุ้มครองในระบบเช่นกัน ปัจจุบันพี่ไรเดอร์ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้เกิด พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานอิสระ ซึ่งการต่อสู้ในเรื่อนนี้กินเวลามากว่า 5 ปี ส่วนความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 กระทรวงแรงงานได้ยกร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ โดยกำลังอยู่ในการแก้ไขปรับปรุง และอาจจะนำกลับมาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง อาจจะต้องจับตากันต่อไปว่าพี่ ๆ ไรเดอร์ที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้พวกเรานั้นจะได้รับการคุ้มครองด้วยกฏหมายหรือไม่? ต้องติดตามกันต่อไป

อ้างอิง : Rocket Media Lab , Decode by ThaiPBS