หลังจากการเลือกตั้งในไต้หวัน วิลเลียม ไล ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค Democrat Progressive ก็ได้ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากท่าทีและความคิดของประธานาธิบดีคนใหม่นี้สนับสนุนความเป็นเอกราชของไต้หวัน โดยประธานาธิบดีวิลเลียมกล่าวไว้ในพิธีสาบานตนว่า ไต้หวันจะไม่ถอยกลับเมื่อได้รับการข่มขู่จจากจีน ทำให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์เกี่ยวกับคำพูดดังกล่าวของประธานาธิบดีวิลเลียมในทำนองว่า การผลักดันความเป็นเอกราชของไต้หวันถูกกำหนดมาให้ล้มเหลว ซึ่งอนุมานได้ว่าขณะนี้รัฐบาลจีนไม่พอใจกับการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของวิลเลียมเป็นอย่างมาก
ประธานาธิบดีวิลเลียมถูกกล่าวขานมานานว่าเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมผู้ผลักดันเอกราชของไต้หวันที่หัวรุนแรงตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น จนในอดีตรัฐบาลจีนเคยระบุว่าเขาคือตัวปัญหาและควรถูกดำเนินนคดีในฐานะที่มีส่วนในการสร้างความแตกแยก ทว่าจากการชนะการเลือกตั้งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีถึง 3 สมัย ซึ่งการันตีว่าเขายังคงได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนที่มีฐานความคิดคล้ายกัน จนอาจกล่าวได้ว่าเขาไม่ใช่แค่ ‘ตัวปัญหา’ ตามที่รัฐบาลจีนเคยกล่าว แต่เป็น ‘ตัวอันตราย’ ในสายตาของพวกเขาไปแล้ว การแสดงท่าทีต่าง ๆ หลังจากการได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีของวิลเลียม ทำให้รัฐบาลจีนยิ่งต้องออกมาข่มขู่เพื่อเป็นการข่มขวัญไม่ให้ประธานาธิบดีวิลเลียมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนไปมากกว่านี้
เมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มมีการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันถึง 3 วัน โดยกองทัพจีนเรียกการซ้อมรบดังกล่าวว่า เป็นการลงโทษอย่างรุนแรงสำหรับการกระทำแบ่งแยกดินแดน หลังจากประธานาธิบดีวิลเลียมมีท่าทีสนับสนุนความเป็นเอกราชของไต้หวัน ซึ่งพวกเขามองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และท้ายที่สุดก็จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลจีนต่อไป ไม่ว่าจะมีวาทะกรรมสวยหรูอย่างไรก็ตาม โดยการฝึกซ้อมดังกล่าว จีนตั้งเป้าไปที่การแสดงออกให้ไต้หวันและสหรัฐอเมริกาเห็นว่า ความพยายามในการผลักดันหรือสนับสนุนให้ไต้หวันเป็นเอกราชนั้นเสี่ยงต่อการเกิดสงครามและการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของไต้หวันกล่าวว่า การฝึกซ้อมรบของกองทัพจีนมีเพื่อมุ่งเน้นไปในทางแสดงแสนยานุภาพแบบจำลอง หากจีนรุกรานไต้หวันอย่างเต็มรูปแบบจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลจีนกระทำการแบบนี้ แต่มีการกระทำในรูปแบบดังกล่าวหลายครั้ง ทั้งการบุกรุกน่านน้ำและน่านฟ้าของไต้หวัน ก่อนการเข้ารับการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีวิลเลียมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 โดยทางรัฐบาลจีนอ้างว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวที่จำเป็นและถูกต้องตามกฎหมายเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ท่ามกลางการตั้งคำถามของชาวไต้หวันที่รู้อยู่แก่ใจว่านี่คือการยั่วยุจากการต่อต้านของพวกเขา
จากกรณีที่เกิดขึ้นส่งผลให้บางภาคส่วนของไต้หวันเกิดการตั้งคำถามกับการแสดงออกที่ค่อนข้างสุดโต่งของประธานาธิบดีวิลเลียม โดยช่วงที่ผ่านมา โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันเตือนประธานาธิบดีวิลเลียมว่าควรจริงจังมากกว่านี้ และพิจารณาถึงคำถามที่ว่าวิลเลียมต้องการเดินหน้าอย่างสันติหรือเผชิญหน้าอย่างจริงจัง เพราะทุกการกระทำมีราคาที่ต้องจ่ายและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของวิลเลียม กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศคว่ำบาตรบริษัทจากสหรัฐอเมริกาหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับการขายอาวุธให้ไต้หวันอีกด้วย
อย่างไรก็ตามจากกรณีดังกล่าวเราอาจต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป เพราะในฐานะประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยถึงแม้จะจอมปลอม ก็เข้าใจอุดมการณ์ของไต้หวันที่พยายามประกาศเอกราช แต่ก็หวั่นใจกับการกระทำคุกคามของจีน เนื่องจากกรณีพิพาทเรื่องการแบ่งแยกดินแดนไม่เคยจบลงโดยง่ายในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ก็ทำได้เพียงเอาใจช่วยไม่ให้เกิดสงครามรุนแรง เพราะมีอีกหลายชีวิตที่อาจต้องสังเวยให้กับอุดมการณ์และเสรีภาพโดยที่ตนเองยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะจับต้อง
อ้างอิง