หากใครที่ชื่นชอบการดูข่าวบนจอโทรทัศน์ คงคุ้นหน้าคุ้นตาหรือรู้จักกับ ‘แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ’ อดีตผู้ประกาศข่าวช่อง 7HD กว่า 10 ปี ซึ่งปัจจุบันย้ายมาเป็นผู้ประกาศข่าวอยู่ที่สำนักข่าววันนิวส์ และด้วยประสบการณ์ในวงการข่าวที่มากมายของ แจ็ค ศรีสุภางค์ วันนี้ SUM UP จึงอยากพาทุกคนไปพูดคุยผ่านบทสัมภาษณ์สุดพิเศษถึงเบื้องหลังความเป็น ‘คนข่าว’ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์งานข่าว, จรรยาบรรณสื่อ, เทคนิคการสัมภาษณ์แหล่งข่าว และอนาคตของข่าวทีวีในมุมมองของ ‘แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ’ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ, ข่าวช่องวัน

เริ่มต้นงานข่าวที่ช่อง 7HD

ก่อนหน้าจะอยู่ที่ช่องวัน หลายคนอาจจะคุ้นหน้าอยู่ที่ช่อง 7HD พี่แจ็คจะอยู่กับช่อง 7HD มาโดยตลอด เรียกว่าตัดสายสะดืองานข่าวที่นี่ก็คงใช่ ก่อนจะเข้าช่อง 7HD เป็นผู้ประกาศข่าวนักศึกษาข่าวเที่ยงวัยทีนที่ช่องไอทีวี เป็นจุดเริ่มต้นให้เรารู้สึกชอบงานนี้ รู้สึกทำแล้วมันสนุก อ่านข่าวอยู่ที่ช่อง 7HD อยู่ประมาณ 17 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่ช่องวันค่ะ

10 กว่าปีกับความอิ่มตัวของ ‘งานข่าว’

10 กว่าปีมันมีความอิ่มตัว เราอยากลองหาอะไรใหม่ ๆ แต่ 10 กว่าปีมันยากมากเพราะมันคือความผูกพัน มันเหมือนกับเราเรียนจบจากโรงเรียนนี้แล้ว เรารู้สึกว่าเราอยากจะย้ายไปโรงเรียนใหม่ ก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ก้าวออกมา ก้าวออกมาทั้งน้ำตา วันที่ตั้งใจจะออกมาจากช่อง 7 HD มีแต่คนบอกว่าระวังนะ วันสุดท้ายของการทำงานจะร้องไห้ พี่ก็แบบอุ้ย ไม่หรอก เพราะเราจะกลับไปเมื่อไหร่ก็ได้ มันเหมือนเป็นบ้านอีกหลังของเรา แต่ว่าวันสุดท้ายที่อ่านข่าวจบจริง ๆ ลาทุกคนออกมา ร้องไห้ขับรถออกมาจากช่อง 7 เลย รู้สึกแบบภาพมันย้อนกลับมาหมดเลย วันแรกที่เรานั่งแท็กซี่มาสมัครช่อง 7 มันย้อนมาหมดเลยนะ สำหรับพี่พี่คิดว่าช่อง 7 คือให้ทุกอย่างที่มีพี่ในวันนี้ วันนี้ที่เราประสบความสำเร็จสำหรับวิชาชีพสำหรับเรา มีครอบครัว มีความมั่นคงในระดับหนึ่งเพราะที่นี่ วันนี้เราขับรถออกจากโรงเรียนแห่งนี้เพื่อไปว่ากันข้างหน้า แต่มันทำให้เรากลับมาใส กลับมามีความเป็นเด็ก กลับมานับหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง พี่ก็เลยรู้สึกว่าพี่อยากตามหาสิ่งนั้นให้มันกลับมา มันไม่มีอะไรนอกจากเราต้องลองก้าวไปทําอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง

‘ข่าวการเมือง’ กับความสนใจของคนยุคปัจจุบัน

ต่างจากเมื่อก่อนที่คนจะชอบข่าวอาชญากรรม คนจะชอบข่าวบันเทิงใช่ไหมคะ แต่พี่ว่าทุกวันนี้การเมืองมันคือบันเทิงไปแล้วมันเลยทำให้คนที่เสพการเมืองรู้สึกอินได้ง่าย เราดูข่าวการเมืองทุกวันนี้สนุกกว่าดูละครอีก สนุกว่าดูข่าวดาราอีก มันหักมุมยิ่งกว่าซีรีส์เกาหลีอีกอ่ะ เฮ้ยวันนี้คุณจับมือกัน เฮ้ยพรุ่งนี้คุณฉีกกันหรอ อะไรแบบนี้ พี่เลยคิดว่าการเมืองโดยเนื้อธรรมชาติของมันมันสนุกด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว และด้วยความตื่นตัวของคน พี่มองว่า 10 ปีที่ผ่านมาคนอยู่กับรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารนานพอสมควร เด็กบางคนโตมากับนายกรัฐมนตรีคนเดียว พอถึงช่วงที่เขาเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น จังหวะที่คนอีกรุ่นหนึ่งกำลังเจอผลพวงของการเมืองที่บ่มเพาะมานานเลยอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง พี่คิดว่าความอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยมันเลยทำให้คนเนี่ยหันมาสนใจกับการเมืองเพราะมันเป็นการมาสนใจด้วยความหวัง มันไม่ได้มาแบบเออดูดูไปแล้วก็แล้วก็เหมือนเดิม แล้วก็อะไรอย่างเนี้ยค่ะ พี่รู้สึกว่าพอคนมันมีความหวังอะ แล้วรู้ว่าตัวเองอะเป็นกลไกที่จะทําให้ความหวังหรือความฝันนั้นมันเป็นจริงได้อะ เขาเลยเลยให้ความสนใจเยอะเป็นพิเศษกว่าในอดีตที่ผ่านมา

วิธีสัมภาษณ์แหล่งข่าวของ ‘แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ’

ตีข่าวเล่าความ จริง ๆ มันเป็นเทป แต่การทำงานคือสด เราเทคไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันคือความเรียล เราอยากเห็นรีแอ็กที่ตรงไปตรงมาของแขกรับเชิญ สิ่งที่พี่ทำคือว่าศึกษาข้อมูลของแขกรับเชิญก่อน ศึกษาประเด็นที่ต้องคุยกับเขาก่อน ความยากคือบางประเด็นแขกไม่อยากตอบ หรือแขกตอบได้แค่บางประเด็น ซึ่งเป็นประเด็นที่คนไม่ได้อยากฟัง คนอยากฟังประเด็นที่เค้าไม่อยากตอบ แล้วพี่เป็นคนที่ไม่อยากไปเซ้าซี้หรือไปหักเขาหน้างาน ถ้าเราสัญญากันไว้แบบเนี้ย เราคุยกันแค่ 1 ถึง 10 อ่ะ ถ้าพี่จะไป 11 แล้วเขาอึดอัดอ่ะพี่จะไม่ทํา แต่พี่จะทํายังไงให้ที่คุยไป 1 ถึง 10 แล้วพี่ทําให้เค้าเชื่อว่าเราไปประเด็นที่ 11 12 13 ที่เดิมคุณไม่อยากคุยอ่ะ แล้วคุณพร้อมที่จะคุยได้ด้วยความจริงใจอย่างเนี้ยค่ะ อันนั้นน่ะคือเป็นสิ่งที่เราต้องไปทํากันหน้างาน ซึ่งไปละลายกับหน้างาน มันก็คงไม่ใช่พี่คนเดียวนะคะ ก็คือทีมงานเบื้องหลังด้วยนะคะ รวมถึงการให้ความร่วมมือกับแขกด้วย มันก็อาจจะไม่ได้ทําได้ทุกครั้งอะไรอย่างเนี้ยค่ะ ก็คือเอาล่ะเมื่อเรารู้ข้อมูลศึกษาเขาแล้ว รู้แบคกราวด์เขาแล้ว รู้สิ่งที่เขาอยากพูด สิ่งที่เขาไม่อยากพูด สิ่งที่คนดูอยากฟังไม่อยากฟังแล้ว อะเราถึงจะมาประมวลเป็นสิ่งที่เราจะไปพูดคุยกับเขาค่ะ

แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ, ข่าวช่องวัน

ทัศนคติส่วนตัว VS งานข่าว

ทุกวันนี้คนดูข่าวการเมือง เขาจะรู้อยู่แล้วว่า ถ้าเราเปิดมาช่องนี้ ถ้าเราเปิดเพจนี้ เจอคนนี้ เขาสีนี้ ถ้าเราเปิดมาเจอช่องนี้ เขาเชียร์ทางนี้ เขาแบก อะไรแบบนี้ ซึ่งพี่ว่ามันโอเคมากเลยนะ ถ้ามันชัดเจนเพราะมันคือความจริงใจกับคนดู เพราะฉะนั้นก็โอเคที่จะบอกว่า ฉันเชียร์ทหาร ฉันเป็นเสื้อเหลือง ฉันสีส้ม อะไรแบบนี้ เพราะคนดูเขาจะเลือกสิ่งที่เขาอยากดู สิ่งที่เขาอยากฟัง ถ้าอยากจะฟังทัศนะที่ชอบเหมือนกันก็เปิด และมันจะไม่ขัดอารมณ์เราเลย หรือหากจะอยากลองฟังอีกฝั่งที่ทัศนคติไม่ตรงกับเราก็เลือกดูได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือการแฝงมาในภาพของความเป็นกลางอย่างไม่แท้จริง ถ้าบอกว่าเป็นกลาง ซึ่งพี่อยู่ในหมวดนั้นนะ เพราะว่าพี่อยู่ในช่องและสถานีและรายการที่มีความเป็นกลางและคุยได้กับทุกฝ่าย อันนี้พี่ต้องระวัง เพราะถ้าเราหลุดพูดอะไรออกไปสักอย่างหนึ่งเนี่ย คนจะบอกคุณเชียร์ฝั่งไหนหรือเปล่า และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าจะให้เราชอบทุกสีคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราจะทำยังไงให้เราไม่เผลอหลุดพูดออกไปเพราะถ้าสื่อที่บอกว่าตัวเองเป็นกลาง เราจะไม่ทำ เราจะทำยังไงที่เราจะไม่ชี้นำ มันเหมือนสอนตัวเองด้วยว่า เราก็ต้องรับฟังคนที่เห็นต่างด้วยเหมือนกัน เราต้องรับฟังแหล่งข่าวทุกคนเหมือนกัน และให้น้ำหนัก ความเท่าเทียมกับการเสนอพื้นที่ด้วยความสมดุล

แต่ในทางกลับกันในความเป็นกลางบางครั้งที่เราพูดสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงออกไป บางอย่างเนี่ยในความเป็นข้อเท็จจริงเนี่ยมันอาจจะมีเส้นแบ่งของถูกกับผิดอยู่เหมือนกัน บางเรื่องที่พอเราพูดออกไปเนี่ยเราพูดข้อเท็จจริง อย่างเช่นบางคดี คดีนักการเมืองและเขาผิดเนี่ย เราต้องรายงานไปแบบนั้นเนี่ย ถ้าเรามัวแคร์ เดี๋ยวคนหาว่าเราไม่เป็นกลางแล้วเราไม่พูดเนี่ย มันก็ไม่ได้ บางครั้งพี่พูดออกไปแล้วถูกด่า พี่ก็คิดว่า พี่ก็เลือกความถูกต้องและยอมถูกด่า เพื่อให้ได้นําเสนอในสิ่งที่เป็นความจริงต่อให้มันไม่ถูกใจคนดูก็ตาม

แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ, ข่าวช่องวัน

อนาคตของ ‘คนข่าวทีวี’

พี่ยังมีศรัทธากับทีวี แน่นอนทีวีอาจจะไม่ใช่กราฟขาขึ้น แต่พี่คิดว่าทีวียังคงเป็นสื่อหลักที่ยังมีคนติดตาม ยังสามารถเข้าถึงประชาชนได้อยู่ เราไปนั่งอยู่ในสถานที่ไหน เราต้องมีศรัทธากับที่นั่นก่อน เราจะไม่เกิดการทํางานที่กระตือรือร้นหรือเกิดการทํางานที่มีคุณภาพได้เลยถ้าเราบอกว่าเรานั่งอยู่ในบ้านที่กําลังพัง ดังนั้นพี่คิดว่าบ้านมันแข็งแรง แต่มันอาจจะต้องเปลี่ยนห้อง มันอาจจะต้องเปลี่ยนรูปแบบ มันอาจจะต้องเปลี่ยนการตกแต่งรีโนเวทไป แต่พี่เชื่อว่าบ้านหลังที่เรียกว่าทีวี พี่ยังมีศรัทธาว่ามันจะยังอยู่ต่อไป แต่ว่ามันก็จะมีแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ขึ้นมา มันจะมีห้างใหม่ ๆ มันอาจจะมีร้านค้าใหม่ ๆ เปิดขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นกําไรของคนดู เป็นกําไรของคนทําคอนเทนต์ ของคนที่ทํางาน หน้าจอที่ก็จะมีช่องทางใหม่ ๆ ในการเข้าถึงใกล้ชิดกับคนดูมากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ดี แม้ว่าพฤติกรรมการเสพข่าวของคนในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด แจ็ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ ผู้หญิงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการข่าวและนั่งเล่าข่าวบนหน้าจอทีวีให้พวกเราได้ฟังมาหลายสิบปีก็ยังคงเป็นคนที่รักและศรัทธาวงการข่าวทีวีต่อไป


สามารถรับชม SUM UP x JOURNALIST ตอนนี้ได้ที่นี่