Star Wars ชุดคำสั่ง Order 66

“กำจัดเจไดที่กระจายอยู่ทั่วกาแลคซี และปิดการทำงานของกลุ่มดรอยด์แบ่งแยก เท่านี้ เราก็จะมีสันติ” – Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith (2005)

ภาพยนตร์เรื่องราวสงครามอวกาศที่ยาวนาน จากผลงานการสร้างสรรค์ของ George Lucas ที่กลายเป็นมหากาพย์ผ่านมาหลายช่วงเวลาและยังเป็นหมุดหมายสำคัญให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์ในช่วงภาค Prequel (Episode I – III) นั้น มีเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการล่มสลายของประชาธิปไตยไปสู่เผด็จการ เพื่อเติมเต็มเนื้อหาของช่วงภาค Trilogy ที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายหลัง (แต่ออกฉายไปก่อน) ที่เป็นเรื่องราวการคืนเสรีภาพสู่กาแลคซีอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องราวในช่วงเวลาของภาค Episode I – III นั้น เป็นยุคสมัยที่กาแลคซี พื้นหลังเรื่องราวของ Star Wars ปกครองในระบอบสาธารณรัฐกาแลคติก ดวงดาวต่าง ๆ ส่งวุฒิสมาชิกจากแต่ละดวงดาวมาหารือกันในสภาสูง ซึ่งสิ่งที่กัดกินสภาสูงอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว คือการคอรัปชั่น ระบบราชการที่ล่าช้า ทำให้การลงมือแก้ปัญหาให้กับระบบดาวนาบู ที่กำลังถูกสมาพันธ์การค้ากดขี่ราคาซื้อขายพลาสม่า และใช้อำนาจยึดครองเส้นทางการค้าระหว่างดวงดาวไปโดยไม่โปร่งใส แม้ราชินีอมิดาล่าจะเสด็จมาขอความช่วยเหลือจากสภาสูงด้วยตนเอง แต่เกมส์การเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพ ก็บีบให้ดาวนาบูต้องช่วยเหลือตัวเองจนผ่านปัญหามาได้ สะท้อนความไม่มั่นคงของระบบการบริหารของกาแลคซี

ความขัดแย้งหลักของ Star Wars ในช่วงนี้ คือการขึ้นสู่อำนาจของ “สมุหนายกพัลพาทีน” ที่ได้รับเลือกตั้งมายังล้นหลาม เขาสัญญาว่า “จะคืนประสิทธิภาพให้กับสภาสูง” หลังจากเหตุการณ์ของดาวนาบู แต่ทว่ากลุ่มสมาพันธ์การค้าที่พ่ายแพ้ไปก่อนหน้านี้ กลับรวมตัวกันเป็น “กลุ่มแบ่งแยกดินแดน” สะสมกำลังกองทัพดรอยด์ เพื่อที่จะทำสงครามแยกตัวเป็นอิสระออกจากสาธารณรัฐกาแลคติก ทว่าพัลพาทีน ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้กาแลคซีต้องถูกแบ่งออกเป็นสอง เขารักในประชาธิปไตย และจำเป็นที่ต้องใช้อำนาจการสร้าง “กองทัพของสาธารณรัฐ” ขึ้นมาเพื่อรักษาความเป็นปึกแผ่นของกาแลคซีเอาไว้ โดยมีอัศวิน “เจได” ที่เป็นผู้รักษาสมดุลของจักรวาลเป็นเหมือนแม่ทัพของกองทัพ ให้เดินทางไปทั่วกาแลคซี เพื่อต่อสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

แต่เรื่องราวความขัดแย้งกลับหักมุมอย่างน่าใจหาย เงามืดที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนั้นคือ “ดาร์ธซีเดียส” ซิธลอร์ดที่นิยมเผด็จการ เขาเป็นอีกด้านหนึ่งของสมุหนายกพัลพาทีนที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย และนำพาสาธารณรัฐเข้าสู่สงครามตั้งแต่แรกนั่นเอง

เมื่อปีศาจกับผู้นำสงครามคือคนเดียวกัน และหล่อเลี้ยงความขัดแย้งมาจนถึงจุดนึง อำนาจถูกรวมศูนย์เอาไว้หมดแล้ว สิ่งที่ต้องกำจัดออกไปก็คือ “เสรีภาพ” เพื่อให้เหลือเพียงควาเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวนั่นเอง

กองทัพของสาธารณรัฐถูกสร้างโดยโคลน ที่แต่ละตัวจะมี Protocol ลับที่เรียกว่าชุดคำสั่งที่ 66 เมื่อพัลพาทีนรู้ว่าสภาเจได ที่เอาไว้ถ่วงดุลอำนาจ ล่วงรู้ความลับว่าเขาเองที่เป็นคนชักนำสงคราม เขาจึงใช้ชุดคำสั่งดังกล่าว ในการกำจัดเจไดทุกคนในกาแลคซีให้หมด และขณะเดียวกัน ก็ใช้คนสนิทอย่างอนาคิน ไปปิดระบบการทำงานของกองทัพดรอยด์และกลุ่มแบ่งแยกให้หมด เพื่อรวบอำนาจให้เหลือเพียงตัวเขาอย่างเดียว

“สัญญาเพื่อสันติ จบลงด้วยการตัดเสรีภาพทิ้งไป”

และการประชุมครั้งพิเศษ พัลพาทีนเชิญสมุหนายกทุกคนเข้าประชุม และแจ้งแผนการร้ายที่เจไดและผู้รักเสรีภาพพยายามจะล้มล้างสาธารณรัฐ และเพื่อความมั่นคงยิ่งขึ้นไป สาธารณรัฐจะถูกจัดตั้งใหม่ในชื่อ “จักรวรรดิกาแลคติกที่ 1” เป็นจุดสิ้นสุดเสรีภาพด้วยเสียงปรบมือที่กึกก้องสภา

หลังจากนั้นในภาพยนตร์ภาค Original Trilogy การต่อสู้ของกลุ่มกบฎเพื่อคืนเสรีภาพให้กับกาแลคซีนั้น เต็มไปด้วยอุปสรรคที่ยากลำบาก มีผู้คนมากมายต้องเสียสละชีวิต เพียงเพื่อความหวังอันน้อยนิดที่จะยุติการกดขี่ที่กระจายไปทั่วกาแลคซีให้ได้นั่นเอง

บทภาพยนตร์ Star Wars ในช่วงเวลาดังกล่าว George Lucas ผู้สร้างได้ศึกษาระบบการเมืองในย่าน South East Asia ในช่วงสงครามเย็น ที่เป็นช่วงที่จักรวรรดิโซเวียตเริ่มเติบโตในช่วงปี ค.ศ. 1973 และแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองมาในบริเวณนี้จนเกิดเป็นสงครามเวียดนามนั่นเอง ซึ่งในช่วงล่มสลายของประชาธิปไตยไปสู่สงคราม ก็มีส่วนผสมของเหตุการณ์ความขัดแย้งในเวียดนามอยู่มากเช่นกัน รวมถึงการมีอยู่ของสภาเจไดที่ถูกกำจัดหลังจากขั้วการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ก็มีความสอดคล้องกับ “อัศวิน Templar” ที่เคยเป็นที่ยอมรับสักการะในฐานะนักรบของศาสนา แต่เมื่อพระสันตปาปาฟิลลิปที่ 4 ออกโองการประกาศพร้อมกันทั่วยุโรปว่าอัศวิน Templar นั้นเป็นตัวแทนแห่งบาปและมลทิน พระเจ้าได้ตรัสผ่านพระองค์ให้กำจัดบาปนั้นทิ้งซะ เหล่าอัศวินจึงถูกสังหารพร้อมกันในวันที่ 13 เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1307 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ คำว่าศุกร์สยองที่ 13 ก็ถูกใช้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สภาวะการเมืองที่ไร้เสถียรภาพ หล่อเลี้ยงความขัดแย้งให้กัดกินโครงสร้างมาเป็นเวลานาน และจบลงที่การกำจัดตัวปัญหาทิ้งไปเพียงเพราะความขัดแย้งตกลงกันได้ในช่วงเวลาเฉียบพลัน เป็นสิ่งที่อยู่มานานในหลายสังคมและระบบการเมือง และเป็นไปได้มากว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตัวภาพยนตร์ Star Wars ที่กำลังถ่ายทอดเรื่องราวบาดแผลการริดรอนเสรีภาพให้เห็นมาหลายปีแล้ว ก็กำลังฉายภาพซ้ำของเรื่องราวเหล่านี้ในบางสังคมอยู่เช่นเดียวกัน

CREATED BY

นักคิด นักเขียน นักสร้างคอนเทนต์ ตัวปัญหาของกระแส ชาวเกย์ผู้แปลกแยก และนักเล่าเรื่องในรูปแบบที่แตกต่าง หลงใหลวัฒนธรรม Pop ทั้งหนังสือ ภาพยนตร์ ซีรีส์และดนตรี และยังเป็นผู้กำกับอิสระ นักดนตรีและนักแต่งเพลง รวมถึงแอดมินเพจที่ประสบความสำเร็จในโซเชียลอีกด้วย เก่งซะไม่มี