“เขามีทีมที่ดี เป็นคนที่ยอดเยี่ยมและทำงานหนัก
คุณจะได้เห็นอะไรอีกมากจากเขาคนนี้ อีก 4 ปีต่อจากนี้
เขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขัน”
นี่คือบางช่วงบางตอนของคำสัมภาษณ์ในการแถลงข่าวของ ‘วิกเตอร์ แอ็กเซลเซน’ นักกีฬาแบดมินตันมือ 2 โลกถึงการมองคู่ต่อสู้ของเขาที่เพิ่งเป็นขวัญใจคนไทยคนล่าสุดอย่าง ‘วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ ที่แม้จะเป็นการแข่งขันที่แพ้แบบทิ้งห่างทั้ง 2 เกม แต่เมื่อถอยออกมามองในฐานะนักกีฬาด้วยกัน วิกเตอร์มองเห็นศักยภาพของวิวว่าไปไกลได้มากกว่านี้แน่นอน
นอกจากจะต้องขอบคุณความตั้งใจดีของวิว และการสนับสนุนจากครอบครัว รวมถึงคนรอบข้างแล้ว ส่วนสำคัญอีกส่วนที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ‘โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด’ พื้นที่ฝึกสอน และปลุกปั้นทักษะพร้อมทั้งศักยภาพให้ผู้เล่นกีฬาแบดมินตัน กลายมาเป็นนักกีฬาได้อย่างเต็มภาคภูมิ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักโรงเรียนแห่งนี้กันให้มากขึ้น ว่าที่ไปที่มาของโรงเรียนกีฬาจริงจังแห่งนี้เป็นอย่างไร

‘โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด (Banthongyord Badminton School)’ คือสถานศึกษาแบดมินตันแห่งแรกในประเทศไทย ที่เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2534 จากความตั้งใจของ ‘แม่ปุก-กมลา ทองกร’ ที่อยากสร้างพื้นที่ให้ลูก ๆ และเพื่อนของลูกได้เล่นแบดมินตันกัน จนขยับขยายเป็นการก่อตั้งชมรมแบดมินตันบ้านทองหยอดขึ้นมา เพราะลูก ๆ ของเธอยังไม่มีสังกัดนักกีฬา และไม่สามารถลงแข่งขันกีฬาใด ๆ ได้เลย ด้วยเหตุนั้นเองทำให้จากการเล่นกีฬาในวงคนกันเอง ขยับขยายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นตามลำดับ
โดยชื่อ ‘บ้านทองหยอด’ นี้ มาจากการที่แม่ปุกทำธุรกิจ ‘ร้านขนมไทยบ้านทองหยอด’ มาอยู่แล้ว จึงนำชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อชมรมแบดมินตัน เพื่อให้แสดงถึงความเป็นชมรมนักกีฬาคนไทยนั่นเอง แม้แต่โลโก้ของโรงเรียนก็ยังเป็นรูปหยดน้ำสีเหลือง ที่สื่อถึงขนมทองหยอดเลยทีเดียว

ในช่วงเริ่มต้นนั้นสนามถูกสร้างขึ้นภายในบ้านของแม่ปุก มีนักกีฬาเพียง 4 คน และมีอาจารย์พรโรจน์ บัณฑิตพิสุทธิ เป็นผู้ฝึกสอน ก่อนที่ในปีถัดมาอาจารย์พรโรจน์มีความจำเป็นต้องย้ายราชการครูไปที่กระบี่ ทางชมรมฯ จึงติดต่อไปยังสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยเพื่อขอโค้ชชาวจีนมาฝึกสอน จนได้ ‘Mr.Xie Zhihua (เซี่ย จื่อ หัว)’ มาเป็นโค้ชให้กับทางชมรมฯ
หลังจากนั้นก็มีการโยกย้ายพื้นที่ของชมรมไปในหลายสถานที่ ทั้งสนามแบดมินตันเพชรเกษม 59 ที่ย้ายไปได้ 3 เดือน แล้วก็ย้ายมาเปิดสอนที่สนามแบดมินตันหมู่บ้านหรรษาที่หนองแขมอยู่อีก 7 ปี ย้ายไปที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีอีก 4 ปี และพบว่าจำนวนนักกีฬาในชมรมทั้ง 70 คน ไม่เพียงพอต่อการฝึกซ้อมในสนามที่มีอยู่
แม่ปุกให้สัมภาษณ์กับทาง Spotlight ว่าตอนนั้นเธอยอมกู้เงินร่วม 100 ล้านบาทเพื่อเอามาสร้างสนามเป็นของตัวเอง รวมถึงขออนุญาตไปยังกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเปิดเป็นโรงเรียนอย่างจริงจัง ในปี 2546 และใช้เวลากว่า 12 ปีในการปลดหนี้ก้อนนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาภายหลังการคว้าแชมป์โลกของ ‘เมย์-รัชนก อินทนนท์’ อีกทั้งการสนับสนุนเด็ก ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นจำเป็นต้องใช้เงินและเวลาเป็นอย่างมาก จากทั้งการส่งเข้าแข่งขันแบดมินตันทุกแมตช์ที่เท่าจะไปได้ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เพื่อเก็บคะแนนไปสู้สนามใหญ่ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกให้ได้ ในฐานะที่เป็นสนามแข่งขันที่สมศักดิ์ศรี และมีโอกาสสร้างชื่อเสียงรวมถึงทำให้ผู้คนทั่วโลกเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่คนไทยก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน


ปัจจุบันโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอดมีสนามแบดมินตันขนาดมาตรฐานทั้งสิ้น 18 สนาม ใน 2 โรงยิมใหญ่ที่จัดสรรลำดับความสำคัญในการใช้งานแตกต่างกัน โดยโรงยิมแรกจะมี 9 สนามสีเขียว ซึ่งเป็นพื้นยางคุณภาพมาตรฐานจากเยอรมัน ที่จะช่วยรองรับแรงกระแทก ป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาวได้ ซึ่งจะอนุญาตให้นักกีฬาของโรงเรียนได้ใช้ฝึกซ้อม ส่วนโรงยิมที่สองอีก 9 สนามสีฟ้า เป็นพื้นยางด้วยคุณภาพจากวัตถุดิบภายในประเทศ ที่มีพื้นที่แข็ง และผิวหยาบกว่า ใช้สำหรับนักกีฬาที่อายุน้อย และประชาชนทั่วไป
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรงเรียนได้พัฒนานักกีฬาที่มีคุณภาพมากมาย ไล่เรียงจาก ‘โค้ชเป้-ภัททพล เงินศรีสุข’ ลูกชายของแม่ปุกที่เป็นผู้ทำให้ชมรมแบดมินตันของคุณแม่เติบโตขึ้นมาจนถึงวันนี้ ซึ่งเคยลงแข่งแบดมินตันในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยช่วงหนึ่ง ก่อนจะผันตัวมาเป็น ผ.อ. ของโรงเรียน และเป็นโค้ชที่อยู่ใกล้ชิดกับนักกีฬาในช่วงการแข่งขันอยู่เสมอ
หรืออย่าง ‘เมย์-รัชนก อินทนนท์’ ลูกสาวของคนงานในโรงงานขนมไทยของแม่ปุก ที่เข้ามาผ่านการบ่มเพาะจนเป็นนักกีฬาที่คว้าแชมป์หลายรายการได้อย่างสมศักดิ์ศรี อีกทั้งยังเป็นเจ้าของสถิติการเป็นนักกีฬาแบดมินตันที่มีอายุน้อยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ด้วยวัยเพียง 18 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2556 และในปีเดียวกันเธอยังคว้าแชมป์การแข่งขันแบดมินตันโลกได้สำเร็จเป็นคนแรกของไทย พร้อมได้รับการขยับอันดับนักแบดมินตันโลกจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) จากอันดับที่ 5 ขึ้นไปเป็นอันดับที่ 3 ในวันที่ 20 มิถุนายน ปีเดียวกัน ก่อนที่ในอีก 2 เดือนถัดมาเธอจะได้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของโลกในระยะเวลาอันรวดเร็ว
รวมถึงเจ้าของเหรียญรางวัลแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ปารีสอย่าง ‘วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ ที่เข้ารับการฝึกสอนตั้งแต่ปี 2557 ตอนที่เขามีอายุ 12 ปี เพราะอยากเก่งเหมือนรุ่นพี่ในโรงเรียนอย่างเมย์ ก็สามารถไต่เต้า ผ่านร้อนผ่านหนาวจากความตั้งใจ และใฝ่รู้ในการศึกษาการเล่นของตัวเองและนักแบดมินตันเก่ง ๆ ในโลก จนกลายเป็นนักกีฬาที่เคยคว้าแชมป์เยาวโลก 3 สมัยซ้อน ในปี 2017 – 2019 รวมถึงยังคว้ารางวัลเหรียญทองในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2023 และก้าวมาเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลมาให้ชาวไทยได้เชยชม
สุดท้ายแล้วเรามองว่า ‘โรงเรียนแบดมินตันบ้านทอดหยอด’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงเรียนที่มอบองค์ความรู้ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ทำให้เด็ก ๆ ที่มีความฝันทางด้านกีฬาแบดมินตันได้ลองลงสนามจริง ผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อพัฒนาทักษะสำคัญ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ผ่านหยาดเหงื่อ รอยน้ำตา และพลังงานที่สูญเสียไปจนกลายเป็นนักกีฬาแบดมินตันที่เต็มไปด้วยคุณภาพที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติในการสร้างประวัติศาสตร์การกีฬาของไทยได้เป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ที่มา
- https://banthongyordbadmintonschool.com/our-history/
- https://th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนแบดมินต้นบ้านทองหยอด
- https://www.amarintv.com/spotlight/insight/detail/67736
- https://th.wikipedia.org/wiki/รัชนก_อินทนนท์
- https://web.archive.org/web/20160421023600/http://www.komchadluek.net/detail/20160416/225926.html