ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาของศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ทั้ง ‘โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)’ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน และ ‘กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris)’ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างลงพื้นที่สร้างฐานเสียงของตัวเองในรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ภายหลังการสลับกันแพ้-ชนะมาอยู่หลายสมัย และเป็นคู่แข่งทางการเมืองที่สมน้ำสมเนื้อมาโดยตลอด
มาในรอบนี้ทั้งสองพรรคต่างขับเคลื่อนการแข่งขันด้วยการฟาดฟันกันอย่างต่อเนื่อง จากทั้งบนเวทีหาเสียงอย่างเป็นทางการของแต่ละพรรค ไปจนถึงการแข่งขันกันด้านภาพลักษณ์จากการตระเวนไปทำนู่นทำนี่เพื่อทำให้ตัวเองไม่เป็นรองในสมรภูมิการเลือกตั้งครั้งนี้ มาดูกันว่ามีลีลาการหาเสียงไหนน่าสนใจกันบ้างจากทั้งสองผู้ท้าชิง
เริ่มจากการหาเสียงของทรัมป์ ที่ในรอบนี้เขาเน้นการนำผู้คนที่น่าเชื่อถือรอบตัวเขามาขึ้นเวทีหาเสียง ทั้งการขึ้นเวทีของ ‘อีลอน มัสก์ (Elon Musk)’ ในหลาย ๆ ครั้ง อย่างที่รัฐเพนซิลเวเนียและรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นงานหาเสียงใหญ่ของทรัมป์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นนายทุนรายใหญ่ที่สนับสนุนพันธมิตรต่าง ๆ กับทรัมป์ ผ่านการบริจาคเงินกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,482 ล้านบาท) รวมถึงอีลอนยังเป็นผู้ประกาศว่าจะมีการมอบเงินวันละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในรัฐเพนซิลวาเนียที่ร่วมลงชื่อเข้าร่วมการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเสรีภาพในการพูดและสิทธิ์ในการพกพาอาวุธปืน โดยกลายเป็นแรงจูงใจสำคัญให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหันมาลงคะแนนเสียงให้กับพรรครีพับลิกัน จนกลายเป็นข้อครหาในสังคมในช่วงเวลาที่ผ่านมา
นอกจากอีลอน มัสก์แล้ว เวทีการหาเสียงของทรัมป์ยังมีผู้คนที่รายล้อมชีวิตเขาในมิติต่าง ๆ อย่างมิติของวงการมวยปล้ำ อย่างที่เราเล่าไปเต็ม ๆ ในบทความ ‘ครั้งหนึ่ง ‘ทรัมป์’ เคยเยือน ‘WWE’ อีกบทบาทในอดีตของ “โดนัลด์ ทรัมป์” สีสันคนดังบนสังเวียนมวยปล้ำ’ ที่ฉายให้เห็นว่า ‘ทรัมป์ พลาซ่า’ พื้นที่ที่มีทรัมป์เป็นเจ้าของ กลายเป็นปิ่นโตใบใหญ่ที่ผูกสัมพันธ์ระหว่างเขากับสมาคม จนมี ‘ฮัลค์ โฮแกน (Hulk Hogan)’ นักมวยปล้ำอาชีพ และ ‘ดานา ไวท์ (Dana White)’ นักธุรกิจและประธานกรรมการของ Ultimate Fighting Championship (UFC) องค์กรศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานระดับโลกมาร่วมขึ้นเวทีช่วยหาเสียง
อีกทั้งมิติของครอบครัว ทรัมป์นำทั้งภริยาและลูกชายขึ้นเวทีหาเสียงครั้งนี้ด้วย ทั้ง ‘เมลาเนีย ทรัมป์ (Melania Trump)’ อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ผู้ซึ่งเป็นภริยาของทรัมป์ ‘โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ (Donald John Trump Jr.)’ ลูกชายคนแรก และ ‘เอริค ทรัมป์ (Eric Frederick Trump)’ ลูกชายคนที่ 3 ของทรัมป์ ซึ่งโดยมากการขึ้นเวทีหาเสียงเหล่านี้ ยุทธวิธีในการพูดคือการกล่าวหาและโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างตรงไปตรงมา แถมยังมีการกล่าวโจมตีอย่างไร้หลักฐานว่าพรรคเดโมแครตจะโกงเลือกตั้ง และหนทางเดียวที่แฮร์ริสจะนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีได้คือเธอต้องโกงเท่านั้น
ทำให้การเคลื่อนไหวของทรัมป์ส่วนใหญ่ในการหาเสียงครั้งนี้จึงเกิดขึ้นได้จากความต้องการสร้างกระแสจากการโจมตีกันไปมา ทั้งการถอดสูทและสวมบทบาทเป็นพนักงานแมคโดนัลด์เฉพาะกิจระหว่างการหาเสียงที่รัฐเพนิซิลเวเนีย เพื่อพยายามโต้แย้งคำกล่าวของแฮร์ริสว่าเธอเคยทำงานที่แมคโดนัลด์ขณะเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งทรัมป์อ้างว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและเป็นเรื่องราวหลอกลวง โดยผู้สื่อข่าวจากอัลจาซีรามองว่านี่เป็นความตั้งใจก่อกวนและแหย่แฮร์ริสอย่างตรงไปตรงมา และภาพนี้น่าจะซื้อใจชาวอเมริกันได้
รวมถึงการสวมใส่เสื้อสะท้อนแสงของพนักงานเก็บขยะที่รัฐวิสคอนซิลเพื่อขึ้นเวทีหาเสียง และโต้ตอบคำกล่าวของไบเดนที่เปรียบเทียบผู้สนับสนุนของตนว่าเป็น ‘ขยะ’ และใช้โอกาสนี้ในการซื้อใจชาววิสคอนซิลด้วยประโยคที่ว่า “พวกเราเป็นขยะและผมขอเรียกพวกคุณว่าเป็นหัวใจและจิตวิญญาณของสหรัฐอเมริกา”
ทางฝั่งแฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต การหาเสียงครั้งนี้ดูเน้นจะใช้วัฒนธรรมป๊อปมาเล่นความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างผู้คน อย่างเช่นการนำคนดังทั้งนักแสดง ดารา และศิลปินขึ้นเวทีหาเสียงเป็นว่าเล่นในหลาย ๆ ครั้ง อย่าง ‘เอ็มมิเน็ม (Eminem)’ แร็ปเปอร์ นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน, ‘เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez)’ นักร้องและนักแสดงฮอลลีวูด, ‘เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ (Jennifer Garner)’ นักแสดงและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชาวอเมริกัน, ‘จูเลีย โรเบิตส์ (Julia Roberts)’ นักแสดงมือรางวัลชาวอเมริกัน, ‘เจน ฟอนดา (Jane Fonda)’ นักแสดงและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเกี่ยวกับเรื่อง Climate Change, ‘จอน บอน โจวี่ (Jon Bon Jovi)’ หนึ่งในสมาชิกวงบอน โจวี่ ผู้เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง เล่นตำแหน่งกีตาร์ และเป็นนักแสดงชาวอเมริกัน, ‘อลิเซีย คีส์ (Alicia Keys)’ นักร้องแนวอาร์แอนด์บีชาวอเมริกัน, ‘บียอนเซ่ (Beyonce)’ นักร้องผู้ได้ชื่อว่าเป็นควีนบี ก็ยังขึ้นเวทีหาเสียงสนับสนุนแฮร์ริส

รวมถึงการออกสื่อครั้งสำคัญ ๆ ของแฮร์ริส ก็ยังเน้นไปทางการนำเสนอมุมมองที่หลากหลายสู่สายตาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วสหรัฐ ทั้งการแอบไปออกรายการตลกชื่อดัง อย่าง ‘Saturday Night Live’ เล่นมุกตลกสุดคลาสสิกอย่างกระจกสองทาง ที่มีนักแสดงประจำรายการอย่าง Maya Rudolph เล่นเป็นเธอ ใน skit ที่เริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยการล้อเลียนรายการข่าวของ CNN ที่เผยให้เห็นการหาเสียงของทรัมป์ตัวปลอมที่เป็นนักแสดงของรายการ ก่อนที่ภาพจะตัดไปยังหลังเวทีหาเสียงแบบปลอม ๆ ของแฮร์ริสตัวปลอมที่สมมติว่าเป็นเมืองฟิลาเดเฟีย ก่อนที่นักแสดงที่สวมบทเป็นแฮร์ริสจะทำทีว่าไปคุยกับตัวเองหน้ากระจก ซึ่งหลังกระจกนั่นก็เป็นแฮร์ริสตัวจริงมาร่วมเล่นในฉากด้วยนั่นเอง กลายเป็นภาพลักษณ์ที่นำเสนอความเป็นมิตรของแฮร์ริสได้เป็นอย่างดี
หรือการทำแคมเปญหาเสียงบนเกม Fortnite ผ่านการสร้างแผนที่ใหม่ที่ชื่อ ‘Freedom Town, USA’ ที่มาพร้อมคำขวัญว่า “Fight for Freedom” ซึ่งการออกแบบผังเมืองในเกมยึดตามเสาหลักการหาเสียงของแฮร์ริสในการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกประการ โดยยุทธวิธีนี้ถือเป็นการเชิญชวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหน้าใหม่รุ่นเยาว์แบบกลาย ๆ ให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ภายหลังจากความพยายามแรกในการเล่นเกม ‘Madden NFL’ บนแพลตฟอร์ม Twitch ของผู้ร่วมทีมกับแฮร์ริสและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
อีกทั้งแฮร์ริสยังมีการจัดทำวิดีโอแคมเปญหลาย ๆ ชิ้นในช่อง ‘Kamala Harris’ ทั้งการบุกร้านตัดผมในเมืองฟิลาเดเฟียเพื่อพูดคุยกับประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้, เชิญผู้คนมาสัมภาษณ์ขนาดสั้น รวมถึงทำคลิปนำเสนอเรื่องราวของผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่แฮร์ริสไปหาเสียง โดยนำเสนอภาพความเข้าถึงได้ของแฮร์ริสสู่สายตาผู้ชมบนโลกออนไลน์ ด้วยวิธีการถ่ายทำที่เน้นมุมมองสบาย ๆ ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของเธอให้มากขึ้นได้
โดยจากมุมมองการนำเสนอตัวตนที่เล่ามาทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงนโยบายสำคัญ ๆ ที่ทั้ง 2 พรรคหาเสียงมาตลอดช่วงเวลาระยะที่ผ่านมา น่าจะทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมองเห็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของตัวเองกันแล้ว น่าสนใจเป็นอย่างมากว่าสุดท้ายในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (5 พฤศจิกายน 2024) ชาวอเมริกันจะเลือกใครเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศกัน