ถ้าใครจำกันได้ ตอนที่เราเลือกตั้งครั้งล่าสุด น่าจะเห็นความวุ่นวายหน้าพื้นที่นับคะแนน จากความสนใจของประชาชนที่หลั่งไหลกันไปดูการนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อาจเพราะกลัวความไม่โปร่งใสที่อาจเกิดขึ้นได้จากการนับคะแนนหรืออะไรก็ตาม
แต่ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ มีเมืองหนึ่งในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ (New Hampshire) ที่นับคะแนนเสร็จไปแล้วหลังการเลือกตั้งเริ่มต้นไปเพียง 12 นาที เพราะมีประชากรในเมืองเพียง 6 คนเท่านั้น! จนกลายเป็นหนึ่งรัฐที่นักข่าวต่างประเทศมักเดินทางไปทำข่าวเป็นที่แรก ๆ ในห้วงเวลาการเลือกตั้ง และวันนี้ SUM UP ขอเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ด้วยการย้อนดูผลการเลือกตั้งย้อนหลัง 24 ปี ของ ‘เมืองดิกซ์วิลล์ น็อตช์ (Dixville Notch)’ เมืองที่คนน้อย และใช้เวลาเลือกตั้งไวที่สุดในสหรัฐอเมริกานี้กัน
ก่อนจะเล่าถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเมืองนี้ เราขอแนะนำพื้นที่แห่งนี้ให้รู้จักกันโดยคร่าว เมืองดิกซ์วิลล์ น็อตช์ (Dixville Notch) คือชุมชนที่อยู่ร่วมกันแบบต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มีที่อยู่อาศัยรวมตัวกัน ตั้งอยู่ทางเหนือของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ไปประมาณ 32 กิโลเมตร โดยมีพื้นที่สำคัญของเมือง อย่าง ‘The Balsams Grand Resort Hotel’ โรงแรมหรูเพียงไม่กี่แห่งของเมืองที่ถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งเป็นการได้รับอำนาจในการจัดการเลือกตั้งของตนเอง
โดยวิธีการเลือกตั้งของเมืองนี้คือการเรียกผู้คนมารวมตัวกันในเวลาเที่ยงคืนที่ห้องบอลรูมของโรงแรม ก่อนจะลงคะแนนเสียงกันอย่างสบาย ๆ และปิดหีบเลือกตั้งในเมืองอย่างเป็นทางการภายหลังการลงคะแนนไม่นานนัก และหลังจากนั้นไม่ถึงนาทีผลการเลือกตั้งก็จะประกาศอย่างเป็นทางการไปทั่วสหรัฐฯ จากการที่กฎหมายของรัฐอนุญาตให้หน่วยเลือกตั้งปิดได้ทันทีหากมีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเสียงครบทุกคนในเขตเป็นที่เรียบร้อย
และผู้ลงคะแนนเสียงคนแรก ๆ ในทุกการเลือกตั้งของเมืองนี้คือ ‘Neil Tillotson’ ผู้ที่ย้ายเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้เป็นคนแรกในปี 1954 ก่อนจะกลายเป็นผู้ดูแลเมืองนับจากนั้นมา และเขาก็ยังเป็นเจ้าของโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่เลือกตั้งแห่งนี้ด้วย ซึ่งเขาจะถือบัตรลงคะแนนของเขาเหนือหีบเลือกตั้งก่อนเวลาเที่ยงคืน พร้อมดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะหย่อนบัตรเลือกตั้งใบแรกของเมืองลงหีบเลือกตั้งในเวลาเที่ยงคืนตรง และชาวเมืองคนอื่น ๆ จะหย่อนตาม ๆ กันมา ก่อนที่นีลจะเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมในปี 2001 ขณะมีอายุได้ 102 ปี ทำให้ในครั้งถัด ๆ มา ผู้ได้ลงคะแนนเสียงคนแรกจะถูกสุ่มล่วงหน้ากันเอง และมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่การเลือกตั้งเป็นบ้านของ ‘เลส อ็อตเทน (Les Otten)‘ อดีตผู้พัฒนารีสอร์ตที่เข้ามาซื้อที่ดินในเมืองเพื่อหวังจะสร้างรีสอร์ต แต่สุดท้ายก็ปรับปรุงบ้านที่ปิดตายบนที่ดินแล้วเข้าไปอาศัยเอง
และในปีนี้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเมืองนี้ก็เตรียมงานสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแข็งขัน เพราะมันเหมือนกับวาระการรวมตัวกันของชาวเมืองประจำปีอย่างไรอย่างนั้น ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวเมืองต่างช่วยกันรับสายนักข่าวจากหลากหลายพื้นที่ที่สนใจมาทำข่าว ตัดหญ้าหน้าบ้านของอ็อตเทนให้สะอาดสะอ้านรับวันเลือกตั้ง ทำครัวซองต์แฮมชีสและคุกกี้ช็อกโกแลตมาไว้กินกัน และเตรียมขาตั้งวางแผ่นนับคะแนนในห้องนั่งเล่นของบ้านอ็อตเทน พร้อมเก้าอี้สำหรับช่างภาพ และโต๊ะพลาสติกสำหรับนับคะแนน
มากันที่ผลการเลือกตั้งของเมืองนี้กันบ้าง เราไล่เรียงข้อมูลตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาจนถึงปี 2024 ทำให้เราเห็นถึงจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเมือง ที่สะท้อนถึงจำนวนประชากรในเมืองที่ค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ จากในปี 2000 ที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 27 คน จนถึงปีล่าสุดที่เหลือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพียง 6 คนเท่านั้น
รวมถึงคะแนนเสียงมีความสวิงไปมาอยู่พอสมควร จากในปี 2000 และ 2004 ที่ผู้ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดคือ ‘จอร์จ ดับเบิลยู บุช’ จากพรรครีพับลิกัน ที่ได้คะแนนเสียงท่วมท้นอย่าง 21 คะแนน จาก 27 คะแนนเสียงของชาวเมืองในปี 2000 และ 19 คะแนนเสียง จาก 26 คะแนนเสียงของชาวเมือง ก่อนที่ในปี 2008 คะแนนจะเทมายัง ‘บารัค โอบามา’ จากพรรคเดโมแครต มากกว่าด้วยจำนวน 15 คะแนน จาก 21 คะแนนเสียงของชาวเมือง จนในปี 2020 ที่เป็นครั้งแรกของการเทกระจาดคะแนนเสียงจากทั้งเมือง ด้วยคะแนน 5-0 เสียง ทำให้ ‘โจ ไบเดน‘ จากพรรคเดโมแครต เอาชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จากพรรครีพับริกันอย่างขาดลอย
แต่ด้วยจำนวนคนที่น้อย และในบางปีจำนวนชาวเมืองที่เหลืออยู่เป็นจำนวนคู่ ทำให้มี 2 การเลือกตั้งที่คะแนนออกมาเสมอกัน นั่นคือการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2012 ที่ทั้ง ‘บารัค โอบามา’ จากพรรคเดโมแครต และ ‘มิตต์ รอมนีย์’ จากพรรครีพับลิกันเสมอกันไปด้วยคะแนนเสียง 5-5 จากจำนวนเสียงทั้งเมือง 10 คะแนนเสียง และการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ ที่จากผลโพลหลาย ๆ สำนักของต่างประเทศก็ทำให้เห็นว่าความนิยมจากประชาชนค่อนข้างสูสีกัน อย่างในเมืองดิกซ์วิลล์ น็อตช์เอง ที่ผู้สมัครทั้งสองอย่าง ‘กมลา แฮร์ริส’ จากพรรคเดโมแครต และ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จากพรรครีพับลิกันต่างได้คะแนน 3-3 เสียง จากคะแนนทั้งเมือง 6 คะแนนเสียง และกลายเป็นสีสันในช่วงเวลาน่าลุ้นแบบนี้
เพราะในช่วงเวลาประมาณ 12:00 – 13:00 น. ของวันพรุ่งนี้ (6 พฤศจิกายน 2567) เราทุกคนทั่วโลกก็น่าจะรู้ผลแล้วว่าการเลือกตั้งสุดดุเดือดในครั้งนี้ของ ‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ใครจะคว้าชัย และได้ตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ท่ามกลางความขัดแย้ง ภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาผู้ลี้ภัยที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนทุกวินาที