ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่มายังไม่ถึงสองเดือน ประชาชนชาวไทยประสบกับสาธารณภัยที่ไม่คาดฝันในกรุงเทพฯและปริมณฑลกันมาหลายครั้ง ความอันตรายที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำมันบ่อยจนกลายเป็นวิถีชีวิตที่เราชาวไทยต่างรู้กันดีแต่ก็ทำได้เพียงเดินหลบ เดินเลี่ยง หรือระวังกันเอาเอง

วันนี้เราจึงรวบรวมความอันตรายเหล่านี้มาทำเป็นไกด์บุ๊คคู่มือการเอาชีวิตรอดในกรุงเทพมหานคร ตรงไหนอันตรายควรหลีกเลี่ยง มีวิธีการรับมือกับความดิบเถื่อนใจกลางกรุงอย่างไร โดยรวมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบสองเดือนที่ผ่านมา

ใช้รถใช้ถนนอย่างมีสติ เพราะคุณอาจถูกธรณีสูบจากการยุบตัวของถนน

หากคุณกำลังขับรถอย่างสบายใจ แล้วจู่ ๆ ก็พบว่าตัวเองตกลงไปใต้พื้นดินอย่างกระทันหัน อย่าเพิ่งตกใจคุณไม่ได้โดนธรณีสูบ แต่ถนนยุบเพราะดินที่ทรุดตัวลงต่างหาก เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา กับเหตุถนนย่านพระราม 2 ยุบตัวลงเหตุจากโครงการสร้างอุโมงค์ท่อประปาใต้ดินทำน้ำรั่วไหลออกมาทำให้ดินบริเวณนั้นอุ้มน้ำและอ่อนตัวลง ส่งผลให้ถนนยุบตัวผิดรูปและไม่สามารถสัญจรได้ ดังนั้นเวลาใช้รถใช้ถนนต้องคอยสังเกตให้ดี บางทีอาจเกิดเหตุถนนยุบตัวได้ตลอด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์นี้

เวลาเดินตามท้องถนนห้ามเหยียบฝาท่อระบายน้ำ เพราะคุณอาจเจอ ‘ฮารูฟรึ่บ’ จากอุบัติเหตุตกท่อระบายน้ำ

เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อว่าการเดินบนถนนปกติก็สามารถตกท่อระบายน้ำได้แบบงง ๆ แต่มันก็เกิดขึ้นบ่อยและเกิดขึ้นตลอด นั่นคืออุบัติเหตุคนเดินตกท่อระบายน้ำ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เกิดเหตุชายวัย 28 ปี ตกท่อระบายน้ำที่มีความลึกถึง 2 เมตร ผู้ประสบอุบัติเหตุยืนยันว่าตัวเองสัญจรผ่านถนนเส้นนี้เป็นปกติ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล หากการดำรงชีวิตของเราเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่แค่จะเดินไปซื้อข้าวซอยข้าง ๆ แล้วตกท่อระบายน้ำ

เดินบนทางเท้าอันตรายเทียบเท่าการเดินบนถนน

ถึงแม้เราจะเดินอยู่บนทางเท้าที่ออกแบบไว้สำหรับการเดินโดยเฉพาะ แต่ก็อย่าชะล่าใจเพราะถึงแม้ทางเท้าจะมีไว้เดิน แต่คนบางกลุ่มก็เลือกที่จะมักง่ายขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางฟุตบาท เหมือนเหตุล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อไรเดอร์คนหนึ่งขับจักรยานยนต์ชนคุณยายวัย 61 ปี บนฟุตบาทแล้วหลบหนี ดังนั้นเวลาเดินบนฟุตบาทเราอาจต้องมองซ้ายมองขวาเสียหน่อย เพราะถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าทางเท้า แต่บางครั้งมันก็กลายเป็นทางมอเตอร์ไซค์สำหรับคนมักง่ายบางคน

ระวังถูกช็อตฟีลที่สะพานลอย พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสราวจับสะพานลอย เพราะอาจมีไฟฟ้ารั่วไหลออกมา

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงหลีกเลี่ยงการจับราวสะพานลอยเนื่องจากปัจจัยด้านสุขอนามัย ทว่าในตอนนี้ปัจจัยใหม่ที่ทำให้เราต้องหลีกเลี่ยงการจับราวสะพานลอยก็เพิ่มขึ้นมาอย่างน่าฉงน หลังจากมีข่าวว่าบริเวณสะพานลอยบนถนนสุขประยูร หน้าทางเข้าโรงเรียนพานทอง จังหวัดชลบุรี มีการติดป้ายกระดาษเอาไว้ที่ทางลงทั้ง 2 ฝั่งว่า “อย่าจับราวสะพานไฟช็อต” ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาเกิดความหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก และในวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุมีคนถูกไฟฟ้าช็อตบริเวณสะพานลอยดังกล่าวจริง เมื่อเข้าตรวจสอบก็พบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลออกมาจากสายเคเบิล ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของหน่วยงานใดพันกันหลายเส้นระโยงระยางติดกับราวจับสะพานลอย

ระวังอะไหล่ของรถไฟฟ้าหล่นลงมาจากฟ้า

นอกจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนพื้นดินแล้ว ยังมีอุบัติเหตุที่หล่นลงมาจากฟากฟ้าด้วย นั่นคืออะไหล่ของรถไฟฟ้าที่มักจะตกหล่นลงมาใส่ผู้คนที่สัญจรอยู่บริเวณนั้น เหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างกรณีรางจ่ายไฟของรถไฟฟ้าสีชมพูที่มีขนาดกว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว หล่นลงมาทับรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่มาจอดรถซื้อของอยู่บริเวณใต้แนวรถไฟฟ้าจำนวน 3 คัน ซึ่งเหล่าผู้เสียหายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่ารถไฟฟ้ากำลังมีปัญหา จู่ ๆ มันก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

อย่างไรก็ตามเราจะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตต่ำมักจะมีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความสะเพร่าและไม่ดูแลเอาใจใส่ของรัฐเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรากลับพบเห็นอุบัติเหตุเหล่านี้ได้ทุกปี ปีละหลายครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคุณภาพสิ่งแวดล้อมของความเป็นเมืองที่ย่ำแย่ และควรได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพราะคนไทยคงไม่สามารถใช้ Survival Guide Book ไปได้ตลอดชีวิต

ที่มา