ท่ามกลางสารพัดหนังสือ เราเดินทางมานั่งอยู่ในร้านหนังสือขวัญที่มีเจ้าของคือ พี่เรด- ธัญญ์นรี แสนสุข ที่มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นคนรักการอ่านนิยายสู่แม่ค้าขายหนังสือเต็มตัวมากว่า 30 ปี และด้วยห้วงระยะเวลาที่ยาวนานขนาดนี้ ทำให้พี่เรดมองเห็นเรื่องราวและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ ‘หนังสือ’ สิ่งหนึ่งที่พี่เรดย้ำและยืนยันมาตลอดคือ เสน่ห์ของหนังสืออยู่ที่กลิ่นน้ำหมึกและการได้สัมผัสกระดาษ ความรู้สึกที่คลาสสิกนี้อาจจะ ทำให้ใครหลายคนยังคงตกหลุมรักการอ่านหนังสือซ้ำ ๆ เฉกเช่นเดียวกับพี่เรด บทสนทนาหลังจากนี้จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวของเส้นทางการทำร้านหนังสือที่มีลูกค้าที่ชอบอะไรเหมือนกันเป็นกำไรและแรงใจสำคัญที่ทำให้ยังคงเปิดร้านหนังสือต่อไป
เรด-ธัญญ์นรี แสนสุข กับแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเปิดขายร้านหนังสือ
ตอนเด็ก ๆ อ่านหนังสือเยอะมากค่ะ แอบอ่านตรงห้องนอนข้างใต้ เพราะว่าที่บ้านไม่ได้สนับสนุนให้อ่าน มีครั้งหนึ่งแม่บอกว่า “เดี๋ยวฉันจะพาไปลาออกจากโรงเรียนให้มาอ่านหนังสืออย่างเดียว” ก็เลยต้องแอบอ่านเอา ตอนเด็ก ๆ จะชอบอ่านนิยายมาก ซึ่งสมัยก่อนจะเป็นการเช่า ราคามัดจำอยู่ที่ 25 บาท ซึ่งเราก็ไม่ได้มีตังค์เยอะมากพอที่จะเช่า 2 เล่ม ก็จะใช้วิธีเดินไปเช่าและก็เดินกลับ อ่านเสร็จแล้วก็วนกลับไปเช่าใหม่ ก็จะทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ อีกหนึ่งเหตุผลที่ชอบเดินไปร้านเช่าหนังสือก็คือ บ้านพี่กับบ้านแฟนอยู่ซอยเดียวกัน เราชอบหนังสือกันทั้งคู่ เราก็จะไปเช่าร้านเดียวกัน ก็ได้เจอกัน ได้คุยกัน และคนชอบหนังสือเหมือนกันมันมีเรื่องราวอะไรให้คุยได้เยอะแยะไปหมดเลย และอีกอย่างหนึ่งที่เราจะเห็นเวลาเดินไปเช่าหนังสือคือ ตัวเจ้าของร้าน เขาเป็นคนอ้วนท้วนสมบูรณ์ ดูมีความสุขนะ เราก็เลยคิดว่าโตมาเราจะเปิดร้านหนังสือ อยากเปิดมาก เพราะดูเป็นอาชีพที่มีความสุขมาก ๆ
สานฝันตัวเองให้เป็นจริงในวัย 21 ปีและอุปสรรคที่ต้องพบเจอ
พอเรียนจบก็แต่งงาน พอแต่งงานเสร็จก็มานั่งคิดว่าจะทำอะไรดีล่ะ เพราะตอนนั้นอายุก็ยังไม่เท่าไหร่ อายุประมาณ 20 – 21 ปี แฟนพี่กับพี่ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านเช่า เป็นร้านแรกเลยนะร้านนี้ อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยรามคำแหง ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 7,500 ต่อเดือน พอเปิดไปได้สักพัก ลูกค้าเยอะมาก ๆ แต่ช่วงปี 2526 ทุกอย่างก็จอดค่ะ เพราะว่าน้ำท่วม ต้องกลับมาเลียแผลที่บ้าน เพราะค่าเช่าราคานี้เราอยู่ไม่ไหว น้ำท่วมหนักมาก ๆ ในรามนี่สูงเกือบครึ่งอกเลย ต้องใช้เรือ หลังจากน้ำท่วมเสร็จ ก็มาเปิดใหม่ เดินหาทำเลในซอย ซึ่งจังหวะที่จะมาเปิดใหม่ มีคนอื่นมาเปิดแล้ว อยู่ซอยถัดไป พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่พี่เป็นคนจำลูกค้าแม่น เลยเดินบอกลูกค้าแถว ๆ หน้าร้ามว่า “มาเปิดแล้วนะคะ” “มาเปิดแล้วนะคะ” ลูกค้าก็ถามว่า มาเปิดแล้วหรอ? อยู่ตรงไหนล่ะ? ลูกค้าเขาก็น่ารักกับเรามาก ๆ เขาก็แวะเข้ามาอุดหนุน ดีใจมากเลยตอนลูกค้าเดินเข้ามา พอมาเปิดอีกรอบหนึ่งมันทำให้เรารู้ว่า คนก็ยังเช่าอยู่ทั้งนิยาย ทั้งการ์ตูน ตอนนั้นพี่เปิดในทุกซอยเลยตั้งแต่ซอย 29 เป็นต้นมา
สมัยก่อนขายดีมาก ๆ นะ ตั้งแต่ช่วงเอแบคยังไม่ย้ายไป หนังสือขายดีสมัยก่อนจะเป็นพวก แอล, คีโอ, คอสโม่ ขายดีมาก ๆ แต่พอเวลาผ่านไปผ่านไป เศรษฐกิจยังไม่ถึงกับไม่ดีนะคะ แต่เอแบคย้ายไปอยู่บางนา พฤติกรรมการอ่านหนังสือการซื้อหนังสือก็เปลี่ยนไป จะเหลือเป็น ทีวีพูล, คู่สร้างคู่สม หนังสือเล่มหนึ่งมันก็จะมีราคา นิตยสารมันก็จะมีเสน่ห์ในตัวเขา และคนอ่านก็จะไม่ใช่นักศึกษาล่ะ แต่เราก็เปิดร้านของเราเรื่อยมา ก็ยังพอขายได้ จนมี e-book เข้ามา มันก็ทำให้ตลาดหนังสือสงบลง แต่พอไปได้สักพักหนึ่ง คนก็เริ่มรู้สึกว่าอ่านหนังสือแบบในเล่ม มันได้กลิ่นหมึก กลิ่นกระดาษ มันน่าประทับใจกว่า เขาก็กลับมาซื้อเรา แต่การมี e-book มีอินเทอร์เน็ตก็มีข้อดีกับเรานะคะ เพราะมีการสปอยล์หนังสือว่าเล่มนี้จะเป็นยังไง เล่มนั้นจะเป็นยังไง ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อหนังสือได้ง่ายมากขึ้น เพราะราคาหนังสือมันแพงขึ้น เขาก็กลัวว่าซื้อไปแล้วอ่านไม่สนุกมันก็จะน่าเสียดาย และพฤติกรรมการซื้อหนังสืออีกอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ลูกค้าจะซื้อทีละชุด ทีละหลาย ๆ เล่ม แตกต่างจากสมัยก่อนที่เขาจะซื้อทีละเล่ม ซึ่งเราเห็นเราก็ดีใจ ใจฟูขึ้นมาหน่อย
การทำร้านหนังสือต้องมีอดทนสูงมาก ๆ ไม่ต่างไปจากการมีชีวิตคู่
การทำร้านหนังสือเนี่ยมันต้องอาศัยความอดทนมาก ๆ เหมือนกับการมีชีวิตคู่เลย เพราะมันมีหลายอย่างมาก ๆ ที่ต้องทำ ถ้าอยากจะให้มันอยู่รอด ถ้าอยากจะให้มันดี ความอดทนนี่สำคัญ อดทนที่ว่านี่คือ ‘อดทนกับลูกค้า’ เราไม่ได้จะว่าพวกเขานะ แต่ลูกค้าบางคนเวลาเปิดหนังสืออ่าน ขออย่างเดียว อย่าหักหนังสือเรา อย่าหักเป็นมุม เพราะหนังสือหรือนิตยสารจะเสีย แต่อ่านได้ ยิ่งเราเป็นคนรักหนังสือ เราเห็นแล้วมันทนไม่ได้หรอกค่ะ ว่าหนังสือเรายับ แต่เราก็ต้องอดทนที่จะไม่ว่าพวกเขา สิ่งที่ต้องมีอื่น ๆ ก็คงเป็นความขยัน ความใส่ใจลูกค้า และก็ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า สิ่งเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญ
เหตุผลที่ ‘หนังสือขวัญ’ ขายถูกกว่าราคาบนปก
เพราะลูกค้าที่เดินเข้ามาเป็นลูกค้าที่พอเห็นกันแล้วก็รู้สึกว่าเป็นคนประเภทเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนกัน เหมือนเราได้เจอเพื่อน เจอพี่ เจอน้อง เจอคนที่คุยภาษาเดียวกันได้ เรามีความสุขมาก ๆ เลย ถ้าถามว่า กำไรล่ะ? กำไรก็ต้องมี แต่กำไรของเราไม่ได้อยู่ที่ตัวเงินอย่างเดียว มันอยู่ที่ความรู้สึกที่เรามีต่อกันมากกว่า บางทีประทับใจมาก ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วบอกว่า โอ้โหผมไปเมืองนอกกลับมาพี่ยังอยู่นะ ผมดีใจมากเลย บางคนจูงลูกมาด้วยและบอกว่าพ่อซื้อหนังสือร้านนี้ตั้งแต่พ่อยังเรียนหนังสืออยู่ ตั้งแต่พ่อยังไม่มีลูกเลย วันนี้พ่อพาลูกมาซื้อหนังสือ พ่อคิดถึงร้านนี้มาก ผู้หญิงบางคนเดินเข้ามาพร้อมกับลูกและพูดว่า ตั้งแต่แม่ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่คิดถึงร้านหนังสือร้านนี้มาก วันนี้ผ่านมาเลยพาหนูมารู้จักร้านหนังสือที่แม่เคยซื้อ เราได้ฟังแล้วเราปลื้มใจมาก เพราะลูกค้าน่ารักกับเรามาก และเราก็คิดว่าเราคิดไม่ผิดที่เราเปิดร้านหนังสือ เพราะการทำธุรกิจถึงจะเล็ก ๆ แต่มันมีคุณค่าที่ว่า เราไม่ต้องไปแข่งขัน ไปแก่งแย่ง หรือไปเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับใคร เราไม่มีคู่แข่งที่น่ากลัวแบบนั้น อาศัยความรักที่เรามีต่อหนังสือใส่ใจกับหนังสือและใส่ใจกับลูกค้าแบบนั้นดีกว่า
ร้านหนังสือไม่มีเปิดใหม่มีแต่จะค่อย ๆ ปิดตัวลง
ตั้งแต่สมัยก่อนพี่พูดถึงดอกหญ้านะที่มาเปิดข้าง ๆ ลูกค้าถามว่า “พี่ครับดอกหญ้าปิดแล้ว พี่ว่าจะมีร้านหนังสือมาเปิดอีกไหมครับ” เราเลยบอก น้อง… นี่พูดตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่ดอกหญ้าปิดใหม่ ๆ “ร้านหนังสือจะไม่มีการเปิดใหม่ มีแต่จะค่อย ๆ ปิดตัวลง” เพราะรายละเอียดมันเยอะมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากคุณนั่งเฉย ๆ มันก็จะไม่ประสบผล เราทำร้านหนังสือเพราะมันช่วยให้เรารำลึกถึงวันเก่า ๆ ว่าเมื่อก่อนตอนเล็ก ๆ เราชอบอ่านหนังสือ มันทำให้มองภาพย้อนกลับไปได้แต่ละช็อตละช็อตเลยนะ ว่าโอเค เราเรียนจบ เรามีลูก ลูกเราเป็นเด็กดี ไล่ ๆ กันมา อย่างที่ได้บอกไป ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เราก็ยังเลือกที่จะเปิดอยู่ ปกติเราทำอะไรไม่เป็น การที่เราทำร้านหนังสือได้ ทุกคนบนโลกทำได้ เพียงแต่ว่าคุณต้องใส่ใจลงไปตรงนั้น
อนาคตของ ‘ร้านหนังสือขวัญ’
พี่คงทำให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อายุเราเยอะแล้ว ถึงบอกว่า ใครสนใจอยากทำร้านหนังสือ บอกเราได้นะ เคยมีคนมาเซ้ง แต่เราก็เสียดาย ทำใจลำบาก เพราะบางคนจะเอาไปทำเป็นร้านอย่างอื่น เราอยากให้มันยังคงเป็นร้านหนังสืออยู่ตรงนี้ เพราะเวลาใครไปใครมาก็ยังเห็นว่าร้านหนังสือยังอยู่ คิดว่าจะพยายามให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ การทำร้านหนังสือสายป่านมันต้องยาวและกำลังใจมันต้องมีต่อ ยิ่งช่วงเศรษฐกิจไม่ดี จริง ๆ จะมาเทียบว่าร้านหนังสือไม่ดีอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ หลาย ๆ ร้านก็ประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน แต่ก็อย่างที่บอก ก็คือจะทำให้นานที่สุดเท่าที่ทำไหว
30 ปีกับการอยู่ท่ามกลางกองหนังสือกับสิ่งที่อยากป้ายยาคนรุ่นใหม่
อยากให้ลองกลับมาเปิดหนังสือ หนังสือเรียน, หนังสือการ์ตูน, นิตยสาร ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรเขามีคุณค่า มีประโยชน์ทั้งนั้นนะคะ ลองมาดูตัวหนังสือ ลองมาจับหนังสือดู มันมีเสน่ห์จริง ๆ ค่ะ และก็อย่าลืมชี้แนะให้ลูกหลานหันมาใส่ใจหนังสือกันมันมีประโยชน์มากจริง ๆ ค่ะ
แวะมาโดนป้ายยาหนังสือได้ที่ราม 24
ร้านอยู่ตรงข้ามบิ๊กซีหน้ารามนะคะ อยู่ระหว่างซอย 24 กับ 22 เปิดทุกวันค่ะ ตั้งแต่ 8 โมงถึงสองทุ่ม ชื่อร้านขวัญค่ะ แวะมาช่วยอุดหนุนได้นะคะ ถ้าวันศุกร์ก็จะมีกุยช่ายที่อร่อยมาก ถ้าวันพุธก็จะมีน้ําส้มที่อร่อยมากอีกเหมือนกัน แล้วมาช่วยอุดหนุนนะคะขอบคุณมากค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ