ในช่วงเปิดตัวงาน ‘THACCA SPLASH’ เมื่อวานนี้ หลังจากการกล่าวเปิดงานของ เศรษฐา ทวีสิน และปาฐกถาพิเศษจาก แพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นช่วง Keynote Speaker ขนาดกระชับของเจ้าสัวแห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ ที่ร่วมกล่าวในช่วง Opening Session บนหัวข้อ ‘โอกาสประเทศไทยกับความมั่นคงทางอาหาร’ ซึ่งในมุมมองของเขาก็ได้สะท้อนหลากหลายเรื่องราวทางด้านอาหารที่น่าไปคิดต่อ

ช่วงเริ่มต้นคุณธนินท์มองไปยังโอกาสทางด้านเกษตรกรรมของบ้านเรา ที่ผลักดันของดีอย่างข้าว พืชไร่ และพืนสวนจนถึงฝั่งแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ยังไม่บูมขนาดนั้นอย่าง ‘สมุนไพร’ และ ‘พืชตระกูลถั่ว’ ซึ่งเป็นตลาดที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง เพราะผู้คนบนโลกสมัยนี้มีความต้องการทางด้านอาหารเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น อย่างสมุนไพรเองก็เป็นวิถีการกินอาหารเป็นยาของคนยุคนี้ อย่างอาหารสำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วยโรคไตหรือโรคเบาหวาน หรือเรื่องพืชตระกูลถั่วที่เป็นจุดเริ่มต้นของอาหาร Plant Based ที่กำลังค่อย ๆ เติบโตในประเทศด้วยเช่นกัน

ถัดมาในการมองเห็นโอกาสของการทำ ‘พืชสวน’ จากในมุมมองของคุณธนินท์มองว่าชาวไร่จะจนกว่าชาวนา และชาวนาก็จะจนกว่าชาวสวน เพราะผลผลิตที่ได้จากสวนจะมีโอกาสในการขายออกที่มากกว่า คุณธนินท์ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเป็นสวนผลไม้ และสวนยาง ซึ่งในกรณีของสวนผลไม้โดยเฉพาะ ‘ทุเรียน’ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และอาจจะกลายเป็นโอกาสใหญ่ จากการที่ประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงอย่างอินโดนิเซียและจีนหันมากินทุเรียนกันมากขึ้น

แต่ก่อนจะไปถึงโอกาสจากทั้งสองสามประเด็นก่อนหน้านั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องดูแลให้เป็นระบบมากกว่านี้ และทำให้เกิดความมั่นคงให้ได้ก่อนเลยก็คือเรื่องของ ‘น้ำ’ หรือระบบชลประทาน เพราะประเทศไทยมีปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้งอยู่เสมอ สองสิ่งนี้คือตัวการชั้นดีที่ทำให้ผลผลิตไม่เป็นไปตามที่ต้องการ และถ้าหากภาครัฐให้การดูแลจนราบรื่นได้ตลอด การเพาะปลูกเพียงครั้งเดียวก็อาจจะส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มามากกว่าเดิมได้ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว

คุณธนินท์กล่าวเสริมในเชิงความคิดเห็น ว่าสำหรับเขาประเทศไทยมีถนนมากพอแล้ว หากนำเม็ดเงินตรงนั้นมาลงทุนกับการทำระบบชลประทานให้ทั่วถึงทั่วประเทศได้มากกว่านี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้วโอกาสทางการเกษตรในการเพาะปลูกพืชแล้วขึ้นเป็นต้นได้นั้น ประเทศไทยได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลกพอสมควร จากสภาพดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวย ขาดก็แค่เพียงการทำระบบน้ำไปหล่อเลี้ยงชีวิตพืชพรรณให้อุดมสมบูรณ์ และกลายเป็นสินค้าที่สร้างเม็ดเงินได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยต่อไป

นอกจากประเด็นเหล่านี้เรื่องโอกาสทางด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องกันมาก็ควรถูกภาครัฐสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง อย่างการแปรรูปผลผลิตที่ได้มาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สร้างหน้าตาของอาหารให้แตกต่างกันได้แม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นวัตถุดิบเดียวกัน หากอุตสาหกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำจากการเพราะปลูก ไปจนถึงปลายน้ำบนโต๊ะอาหารของคนกินได้ ระบบอุตสาหกรรมเกษตรกรรมนี้จะช่วยสร้างเศรษฐกิจที่ดีให้ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนในฐานะของคนทำงาน และผู้ผลิตผลผลิตต้นทางได้อีกมากมาย

สุดท้ายแล้วคุณธนินท์กล่าวว่า แม้เราจะเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายนอกทุกอย่างได้จริง แต่โอกาสของความมั่นคงทางอาหารที่อธิบายมาตั้งแต่ต้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาด ‘การสร้างคน’ เพราะทักษะทางอาชีพของอุตสาหกรรมอาหารนั้นเป็นเรื่องจำเป็นทั้งกระบวนการ ยิ่งในช่วงที่สภาวะการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้านพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง การสร้างคนให้มีทักษะ หรือวิธีคิดพร้อมรับกับทุกเรื่องใหม่ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่แห่งโอกาสของความมั่นคงทางอาหารได้จริงในอนาคตอันใกล้

CREATED BY

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป