ภาษีความเค็ม Salt Tax

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยเริ่มตื่นตัวกับปัญหาสุขภาพจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ การบริโภคโซเดียมในปริมาณที่สูงเกินไป โดยเฉพาะจากอาหารแปรรูป และอยู่ระหว่างเดินหน้าศึกษาและวางแผนเก็บ ‘ภาษีความเค็ม’ เพื่อรับมือกับภัยเงียบที่มาจาก ‘โซเดียม’ ที่แฝงอยู่ในอาหารแทบทุกชนิด และเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรัง คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมต้องเก็บภาษีจากความเค็ม และมันจะส่งผลอย่างไรกับชีวิตเรา

ภาษีความเค็ม หรือ ‘Salt Tax’ คือแนวคิดการจัดเก็บภาษีกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก อาหารแช่แข็ง ซอสปรุงรส ฯลฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณการบริโภคโซเดียมในประชากร ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยกว่า 90% บริโภคโซเดียมเกินเกณฑ์ ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและ WHO พบว่า คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,600 มิลลิกรัม/วัน (มากกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกถึง 1.8 เท่า – WHO แนะนำไม่เกิน 2,000 มก./วัน) โดยมากกว่า 30% ของคนไทย เป็นโรคความดันโลหิตสูง และมีแนวโน้มพบโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นทุกปี มีผู้ป่วยกว่า 8 ล้านคน และราว 100,000 คนต้องฟอกไต ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขเพื่อรักษาผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับโซเดียมพุ่งสูงกว่า 30,000 ล้านบาท/ปี ดังนั้นการรณรงค์อย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงต้องใช้นโยบายเชิงโครงสร้าง เช่น ภาษี เป็นเครื่องมือกดดันผู้ผลิตให้ “ลดเค็ม”

ขณะนี้ (ปี 2568) กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีความเค็ม โดยคาดว่าอาจเริ่มบังคับใช้ได้ภายในปี 2569-2570 เดินตามโมเดลความสำเร็จของ ‘ภาษีความหวาน’ ที่ทำให้ผู้ผลิตลดน้ำตาลในสินค้าอย่างเป็นรูปธรรม

ดังนั้น ผู้ผลิตอาหารแปรรูปจึงไม่มีทางเลือกมากนัก หากไม่ต้องการให้ราคาสินค้าของตนแพงขึ้นจากภาษีที่เพิ่ม ก็จำเป็นต้องปรับสูตรการผลิต โดยลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์ ใช้วัตถุดิบหรือเทคโนโลยีใหม่ที่ให้รสชาติอร่อยแต่ไม่เค็มจัด พัฒนาแบรนด์สุขภาพ เพื่อแข่งขันในตลาดที่กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค การปรับสูตรลดเค็มไม่ใช่แค่เพื่อเลี่ยงภาษี แต่เป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในตลาดใหม่ที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

รวมถึงผู้บริโภคที่ต้องหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ไม่อย่างนั้นต้องยอมจ่ายราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้นหากยังเลือกสินค้าที่มีโซเดียมสูง ส่วนระบบสาธารณสุขจะได้รับประโยชน์ระยะยาวจากการลดผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

“ภาษีความเค็ม” ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่มาจากข้อเท็จจริงที่น่ากังวลว่า คนไทยกำลังเผชิญภัยจาก ‘เกลือ’ แบบไม่รู้ตัว รัฐจึงต้องเร่งสร้างนโยบายลดความเสี่ยง ทั้งเพื่อลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาล และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในระยะยาว แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็น “ภาระผู้บริโภค” แต่หากมองในภาพใหญ่ นี่คือก้าวสำคัญของระบบสุขภาพแห่งอนาคต เพราะสุขภาพที่ดี…ไม่ได้เริ่มที่โรงพยาบาล แต่เริ่มที่จานอาหารของเราทุกคน