พวกเราคงรู้กันดีว่า ‘การศึกษา’ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นมาได้บ้าง โดยเฉพาะในสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องวุฒิการศึกษาเป็นหลัก การช่วยให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นก็คงจะเป็น การช่วยสร้างงาน, สร้างอาชีพ, มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีขึ้น จนไปถึงอาจจะช่วยเลื่อนสถานะทางสังคมให้เราได้ แต่ปัญหาที่ตาม ๆ กันมาก็คือ คนส่วนใหญ่มักหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วยสาเหตุของความยากจน เพราะการศึกษาล้วนเต็มไปด้วยรายจ่าย และดูเหมือนปัญหาเหล่านี้กำลังส่อแวจะมีอาการแย่ลงไปเรื่อย ๆ เพราะในปีที่ผ่านมาพบว่าเด็กไทยหลุดออกจากระบบการศึกษามากกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว แล้วเพราะอะไรกันนะที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ บวกกกับดูเหมือนกำลังจะถอยหลังลงคลองไปเรื่อย ๆ
ข้อมูลจาก ‘กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา’ (กสศ.) ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2566 พบเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษากว่า 1 ล้านคน ซึ่งหากเทียบเคียงกับปีก่อน ๆ จะพบว่ามีเด็กที่เลิกเรียนกลางคันอยู่ที่ 5 แสนคน เท่ากับว่าในปีที่ผ่านมามีเด็กกระเด็นออกจากระบบการศึกษาสูงขึ้นกว่า 1 เท่าตัว และอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในปีก่อน ๆ เด็กจะเลิกเรียนในช่วงรอยต่อระหว่างมัธยมต้นขึ้นมัธยมปลาย แต่ในปีที่ผ่านมาพบว่าเด็กเลิกเรียนในช่วยรอยต่ออื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ช่วงประถมศึกษาขึ้นมัธยม เป็นต้น
แน่นอนว่า ‘ความยากจน’ ดูเหมือนจะเป็นต้นตอของปัญหาและการที่รัฐมอบนโยบายเรียนฟรีอาจจะยังไม่เพียงพอ แต่ในปัจจุบันสาเหตุของปัญหาดูเหมือนจะซ้ำซ้อนเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะในช่วงที่ผ่านมามีทั้งสภาวะโรคระบาดโควิด-19, ปัญหาทางการเมือง, การลงทุนในไทยจากต่างชาติที่ดูจะซบเซาลงเรื่อย ๆ ทั้งหมดเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและโครงสร้างสังคมที่เชื่อมโยงกันอยู่ จนส่งผลให้เด็ก ๆ หลุดออกจะระบบการศึกษาเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าใจหาย ซึ่งผลเสียของการที่เด็ก ๆ หลุดออกจากระบบการศึกษาก็คือ การวนลูปความยากจนไปเรื่อย ๆ, การเพิ่มผลิตภาพลดน้อยลง, และเป็นการลดโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะเห็นว่าปัญหานี้เป็นเรื่องระดับประเทศเพราะเยาวชนก็คือแรงงานสำคัญของประเทศในอนาคตนั่นเอง
ความคืบหน้าของการขับเคลื่อนเกี่ยวกับนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลชุดนี้ได้เริ่มมีการทำโครงการ Thailand Zero Dropout ซึ่งเป็นปฏิบัติการค้นหาเยาวชนนอกระบบการศึกษาตั้งแต่อายุ 3 – 18 ปีให้กลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเพิ่งดำเนินการขึ้นในเดือนกรกฏาคม 2567 ทืี่ผ่านมา โดยการขับเคลื่อนโครงการนี้ต้องการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดี ปัญหาเรื่องการศึกษาที่เชื่อมโยงไปถึงปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นเรื่องที่ทับซ้อนกันอยู่หลายมิติ การแก้ไขปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐอาจจะต้องบูรณาการหลาย ๆ ภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างรอบด้าน เพราะเยาวชนและเด็กคือแรงงานสำคัญของชาติในอนาคตนั่นเอง
อ้างอิง
- https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/227529
- https://www.eef.or.th/news-020724/
- https://www.tcijthai.com/news/2020/03/watch/10418