ในช่วงเดือนที่ผ่านมาหลายคนคงเคยรับชมหรือพบเห็นภาพโปสเตอร์ชายในชุดสูทสีครีมที่มีศีรษะลุกเป็นไฟจากภาพยนตร์ Late Night with the Devil กันมาบ้าง แต่ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ภาพโปรโมต ทว่ากลับเป็นรูปแบบวิธีการเล่าเรื่องของหนังที่เลือกใช้การนำเสนอในรูปแบบรายการโทรทัศน์ยามดึกบนม้วนฟิล์มเก่าสีชา ผ่านพล็อตหลักที่ชวนให้คนดูตั้งคำถามตั้งแต่ยังไม่ได้รับชมว่า จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถเชิญปีศาจมาร่วมพูดคุยในรายการทอล์กโชว์ได้ นี่จึงอาจเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ
Late Night with the Devil เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่เขียนบทและกำกับโดย Colin และ Cameron Cairnes สองพี่น้องที่ฝากฝังผลงานภาพยนตร์ไว้มากมาย จับมือกับดารานำชาย อย่าง Davis Dastmalchian ที่มารับบทเป็น Jack Delroy รังสรรค์ค่ำคืนวันฮาโลวีนแสนธรรมดาให้กลายเป็นรายการโชว์น่าตื่นตาที่ต้องสังเวยด้วยชีวิต ซึ่งสองพี่น้องผู้กำกับได้ให้สัมภาษณ์กับทางเอบีซีเอ็นเตอร์เทนเมนต์เอาไว้ว่า เขาทั้งสองมองว่ารายการสดที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์มีช่องโหว่ที่เอื้ออำนวยให้กับเรื่องราวสยองขวัญ ทุกสิ่งที่ถูกถ่ายทอดสดพร้อมที่จะเกิดความผิดพลาดได้ทุกเมื่อ จุดนี้เองที่ทำให้พวกเขาเลือกใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้และใช้ช่องโหว่ของมันให้เป็นประโยชน์
อย่างที่เราทราบกันและผู้เขียนได้กล่าวซ้ำไปหลายครั้งบนพารากราฟข้างต้น Late Night with the Devil มีธีมการเล่าเรื่องหลักคือ ‘รายการโทรทัศน์ยุคเก่า’ ดังนั้นเราจะข้ามการพูดถึงเรื่องนี้ไป แต่จะมาโฟกัสกับ ‘แขกรับเชิญ’ ในภาพยนตร์เรื่องนี้แทน คุณสงสัยหรือไม่ว่าในบรรดาปีศาจนับพันตน ปีศาจตนใดที่ได้ออกโทรทัศน์อย่างเป็นทางการครั้งแรก และได้รับเกียรติขึ้นมาพูดคุยกับพิธีกรและผู้ชมในห้องส่ง แน่นอนว่าปีศาจที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ Late Night with the Devil คือ Abraxas แล้วมันคือใครหรือสิ่งใด ทำไมถึงถูกหยิบยกขึ้นมาบอกเล่า
Abraxas คือ หนึ่งในเทพเจ้าตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ และเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ของชาวเปอร์เซีย ทว่าในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์เชื่อว่า Abraxas คือปีศาจชั่วร้าย ที่จะเห็นได้ว่าในแต่ละนิกายความเชื่อก็จะมองภาพ Abraxas ในมุมที่ต่างกัน อาจเป็นเพราะจุดนี้เองทำให้ในเวลาต่อมา Abraxas ถูกมองว่าเป็นครึ่งเทพครึ่งปีศาจที่มีทั้งความดีและความชั่วปะปนกันไป และถูกยกย่องว่าเป็นเทพและปีศาจที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด เนื่องจากมีทั้งขาวดำและดีชั่วอยู่ในตัวตนเดียว ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์
ลักษณะภายนอกของ Abraxas แตกต่างกันไปในแต่ละความเชื่อ แต่ส่วนใหญ่ Abraxas มักถูกบันทึกไว้ว่ามีลักษณะคล้ายชายรูปร่างท้วม หัวเป็นสิงโตหรือไก่ มีหางเป็นมังกร มีขาเป็นงู และถือแส้ไว้ในมือ พบเห็นเป็นภาพแกะสลักได้ตามเครื่องรางและอัญมณี มีคุณสมบัติทางไสยเวทย์ที่ให้ทั้งคุณและโทษตามแตกต่างออกไปในแต่ละความเชื่อ นอกจากนี้ Abraxas ยังถูกมองว่าเป็นเทพหรือปีศาจที่จะดลบันดาลให้ทุกอย่างเกิดขึ้นตามคำที่พูด ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นที่มาของวลีติดปากของเหล่านักมายากลที่ว่า “Abracadabra” ที่หมายความตามภาษาฮีบรูในทำนองว่า ฉันจะสร้างตามที่ฉันพูด
หากเรานำความเชื่อมโยงระหว่าง Abraxas กับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ Late Night with the Devil มาผนวกเข้าด้วยกัน เราอาจเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าในบรรดาหมู่มวลปีศาจทั้งหมด ทำไมต้องเป็น Abraxas นั่นอาจเป็นเพราะหนังไม่ได้พยายามยัดเยียดบทตัวร้ายให้กับปีศาจ Abraxas แต่เป็นผู้อัญเชิญปีศาจเข้ามาในรายการอย่าง Jack Delroy ต่างหากที่ทำให้โศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้น จากความอยากมีชื่อเสียงและเรียกเรตติ้งให้กับรายการ ซึ่งจุดนี้เป็นเพียงการคาดเดาและตั้งสมมุติฐานขึ้นมาเองจากผู้เขียน
ในตอนที่ Jack Delroy เข้าร่วมคลับลับ The Grove เขาบูชาและขอพร Abraxas ในนามเทพพระเจ้า ขอให้รายการ Night Owl ของเขามีเรตติ้งพุ่งกระฉูดแซงหน้าอีกรายการที่ออกอากาศในช่วงเดียวกัน เมื่อ Abraxas ประทานพรให้ ค่ำคืนนั้นรายการ Night Owl ของเขาได้รับความสนใจ แน่นอนว่ามันก็เป็นไปตามนั้น แต่เมื่อไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ จึงต้องมีการแลกเปลี่ยนแม้มันจะเป็นชีวิตของผู้บริสุทธิ์ก็ตาม Abraxas กลายเป็นปีศาจในสายตาของคนทั่วไปในค่ำคืนนั้น มีเพียง Jack Delroy ที่เหมือนจะรู้ตัวว่าความจริงแล้วปีศาจที่ลงมือทำเรื่องทั้งหมดคือตัวของเขาเอง
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการตีความจากผู้เขียนเท่านั้น ภาพยนตร์ Late Night with the Devil มีตอนจบแบบปลายเปิดที่เชื้อเชิญให้เหล่าผู้ชมตั้งคำถามและหาข้อสรุปต่อเอง ดังนั้นไม่สำคัญว่าสุดท้ายแล้วการกระทำของตัวละครโน้มเอียงไปในทิศทางใด และสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรื่องมีบทสรุปแบบไหน สิ่งสำคัญที่ชัดแจ้งคือวิธีการและอรรถรสที่เราได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นความตั้งใจแรกที่ผู้ผลิตตั้งใจนำเสนอให้กับผู้ชมแบบเรา
ที่มา