เปิดตัวไปแล้วกับซีรีส์เรื่อง “แม่หยัว” ที่เพิ่งประกาสในงาน oneD Original โดยจะออกอากาศทางช่อง one31 และทาง oneD ซึ่งทำเอาแฟนๆ ประวัติศาสตร์ และแฟนช่อง one31 ต่างเฝ้ารอว่าซีรีส์ฟอร์มยักษ์นี้จะออกมาให้ตื่นตาตื่นใจมากน้อยแค่ไหน และรอดูรอชมว่าจะนำประวัติศาสตร์มาตีความอย่างไร

วันนี้เราพาเพื่อนๆ ย้อนชมประวัติศาสตร์รัชสมัยที่ “แม่หยัวศรีสุดาจันทร์” ครองอำนาจ แล้วรัฐเพื่อนบ้านอยู่ในยุคไหนกัน เพื่อจะดูพัฒนการของรัฐเพื่อนบ้าน และที่สำคัญจะได้มองว่าประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้มีรัฐอโยธยารัฐเดียว แต่ยังมีรัฐเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องกันและมีความสัมพันธ์ร่วมกันอีกด้วย

อโยธยายุค “แม่หยัวศรีสุดาจันทร์” ครองอำนาจ (พ.ศ.2089–2091)

ต้องเกริ่นก่อนว่า ยุคก่อนแม่หยัวศรีสุดจันทร์ครองอำนาจนั้น เป็นช่วงที่อโยธยากำลังแก่งแย่งบัลลังก์กันระหว่างราชวงศ์อู่ทองและราชวงศ์สุพรรณภูมิ ถึงแม้ราชวงศ์สุพรรณภูมิจะครองอำนาจมาอย่างยาวนานตั้งสมัยพระนครินทรราธิราช (พ.ศ.1952 – 1967) แต่กระนั้นก็ยังหลงเหลือราชวงศ์อู่ทองอยู่ เห็นได้จากตำแหน่งแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ และขุนวรงศาธิราชซึ่งมีตำแหน่งทางศาสนาและน่าจะเป็นคนวรรณ พราหมณ์ดังที่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานเอาไว้น่าจะเป็นคนในราชวงศ์อู่ทอง

ประกอบกับราชวงศ์สุพรรณภูมินั้นมีปัญหาด้านการสืบทอดราชบัลลังก์เรื่อยมา เห็นได้จากกรณีเจ้าอ้ายเจ้ายี่รบชิงบัลลังก์กัน หรือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเป็นคนใกล้ตัวแม่หยัวศรีสุดาจันทร์คือการที่สมเด็จพระไชยราชาธิราชยกทัพจากพิษณุโลกมาชิงบัลงลังก์ระรัษฎาธิราชพระราชโอรสขชองสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ที่อโยธยาซึ่งเป็นราชวงศ์สุพรรณภูมิเดียวกันจึงเปิดโอกาสให้คนในราชวงศ์อู่ทองกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งหนึ่ง

ภายหลังสิ้นยุคพระไชยราชาธิราช (พ.ศ. 2072–2076) อำนาจจึงตกอยู่ในมือแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ แต่เป็นการว่าราชการหลังม่านพระยอดฟ้า (พ.ศ.2089–2091) จำนวน 2 ปี และค้ำบัลลังก์ให้กับขุนวรวงศาธิราชในปีสุดท้ายของรัชกาลพระยอดฟ้าอีก 42 วัน เบ็ดเสร็จแล้วแม่หยัวศรีสุดาจันทร์มีอำนาจทั้งหมด 2 ปี 42 วัน และหากเชื่อตามนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าแม่หยัวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราชเป็นคนในราชวงศ์อู่ทอง อาจพูดได้ว่าราชวงศ์อู่ทองกลับมามีอำนาจอีกครั้งในอโยธยาด้วยเช่นกัน

รัฐตองอู (พม่า) สมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ (พ.ศ. 2073 –2093)

ในขณะที่อโยธยากำลังห้ำหั่นศึกสายเลือดภายในนั้นดินแดนลุ่มแม่น้ำอิรวดีเองจากที่อดีตเคยมีรัฐเล็กรัฐน้อยของชาวมอญและพม่ากำลังจะถูกรวมอีกครั้งภายใต้พระเจ้าหงสาวดีลิ้นดำ หรือพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ (พ.ศ. 2073 –2093) ซึ่งเป็นยุคที่คาบเกี่ยวตั้งแต่สมัยพระไชยราชาธิราชมาถึงยุคแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ครองอำนาจ ที่สำคัญในยุคกษัตริย์รัฐตองอูพระองค์นี้เองเป็นยุคเปิดศักราชที่พม่าเริ่มทำสงครามกับไทยและนำไปสู่การเสียกรุงครั้งที่ 1 (พ.ศ.2112) นั่นเอง

รัฐละแวก (เขมร) สมัยพญาจันทร์ (พ.ศ. 2059 – 2109)

ก่อนหน้ายุคพญาจันทร์ พระบรมราชาที่ 2 เป็นยุคที่เขมรวุ่นวายจากการชิงบัลลังก์ภายใน พญาจันทร์เองต้องพึ่งพาและขอกำลังจากอโยธยา แน่นอนว่าย่อมยอมเป็นประเทศราชของอโยธาเพื่อจะได้มีรัฐที่ใหญ่กว่าคอยให้การสนับสนุในการชิงบัลลังก์ของพระองค์ให้สำเร็จในไปสู่การปราบดาภิเษกและขึ้นครองราชย์ของพระองค์ด้วย (พ.ศ. 2059 – 2109) ในรัชสมัยของพระองค์มีเหตุการณ์สำคัญคือการย้ายราชธานีของอาณาจักรเขมรจากจตุมุขมาสู่มืองละแวกด้วย

รัฐปตานี (ราชวงศ์ศรีวังสา) สมัยสุลต่านมูซัฟฟาร์ ชาห์ (พ.ศ.2073- 2106)

สมัยอโยธยาเองเรียกได้ว่าอำนาจส่วนกลางยังไม่มั่นคงเท่าใดนักทำให้แผ่อำนาจไปไม่ถึงปลายด้ามขวานของประเทศไทยในปัจจุบัน ทำให้รัฐปตานีในคาบสมุทรมลายูกำลังเรืองอำนาจเพราะปิดรัฐที่ติดทะเลเหมาะกับการค้าขายและเป็นที่แวะพักของเรือสินค้าจากนานาชาติ

สมัยแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ครองอำนาจนี้เองตรงกับรัชสมัยสุลต่านมูซัฟฟาร์ ชาห์ (พ.ศ.2073- 2106) อโยธยากับปตานีมีความสัมพันธ์ในเชิงการค้าที่ปตานีต้องการของป่าและอาหารจากอโยธยา อโยธยาเองก็ต้องการสินค้าจากเรือต่างชาติที่มาจอดแวะที่ท่าเรือเมืองปตานีเช่นกันเช่น เครื่องเทศ เป็นต้น ทำให้ในยุคนี้ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์ทางการค้ามากกว่าการคสงคราม ถึงแม้จะมีข้อพิพาทกันบ้างก็ตาม

แต่มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอยากเล่าให้เพื่อนๆ ฟังสักนิดว่าในรัชสมัยสุลต่านพระองค์นี้เอง รัฐปตานีได้ยกทัพไปช่วยอโยธยาสมัยพระมหาจักพรรดิผู้ที่ยึดอำนาจจากแม่หยัวศรีสุดาจันทร์รบกับพม่าคราวศึกเสียช้างเผือก ปรากฏว่าทหารปตานีรวมถึงสุลต่านปตานีที่เสด็จไปด้วยนั้นกลับเข้ายึดอโยธยาเสียอย่างนั้นแต่ก็ไม่สามารถยึดไว้ได้นานถูกกองทัพอโยธยาโต้กลับ สุลต่านเองก็สิ้นพระชนม์ในศึกคราวนั้นด้วย

อ้างอิง

CREATED BY

ชอบเล่าเรื่องการเมือง ชอบพบเจอผู้คน สนุกกับการพูดคุย ชอบดูการ์ตูน อ่านหนังสือ ที่สำคัญติดบ้าน ติดดิน แต่ไม่ติดลม