นับตั้งแต่การถือกำเนิดขึ้นของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ ‘Final Destination’ (2000) กับพล็อตในตำนานที่มีคนล่วงรู้อนาคตแห่งความตายที่อยู่ใกล้ตัว และวิธีการตายของตัวละครต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เลือดสาดทะลุจอ และเหนือความคาดหมาย ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการทำต่อกันมาอีกหลายภาค จนถึงการกลับมาของภาคล่าสุดที่ทำให้ผู้คนกลับมารู้สึก Trauma กับสิ่งของรอบตัวอีกครั้งใน ‘Final Destination: Bloodlines’ ผลงานภาพยนตร์จาก Warner Bros. และ New Line Cinema
การกลับมาครั้งนี้ของการโกงความตายครั้งใหม่ พวกเขาเลือกใช้ความสำเร็จเดิมมาต่อยอดด้วยการทำการตลาดแบบที่เราเรียกว่า ‘Fear Marketing’ หรือการตลาดแห่งความกลัวได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ จนเราเลือกหยิบมาเล่าให้ได้อ่านกันในบทความนี้
ความกลัวที่ว่าก็คือรูปแบบการตายเดียวกันกับในภาพยนตร์ที่ปรากฏในทุก ๆ เรื่องตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งไม่ว่าจะสถานการณ์อะไรก็ตาม หากตัวละครไหนโกงความตายไม่ได้ พวกเขาก็จะเจอจุดจบที่คาดไม่ถึงทุกครั้ง เหมือนกับในตัวอย่างสั้น ๆ อันแรกที่ปล่อยออกมาก่อนตัวอย่างเต็มแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้จะปล่อยออกมาในวันถัดมา
ตัวอย่างดังกล่าวเผยให้เห็นฉากสั้น ๆ ฉากหนึ่งของงานปาร์ตี้เล็ก ๆ บริเวณสวนหลังบ้าน คนที่ยืนอยู่หน้าโซนบาร์เผลอทำแก้วตกแตก และเศษแก้วชิ้นหนึ่งหล่นไปในถังน้ำแข็ง ดูเผิน ๆ ยังแทบแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าอันไหนน้ำแข็งหรือเศษแก้วที่แหลมคม ก่อนจะถูกที่ตักน้ำแข็งตักขึ้นมาใส่แก้วน้ำอัดลม และคลิปตัวอย่างนั้นจะจบไป
นั่นคือการตลาดความกลัวแรกที่หยิบเอาปัจจัย 4 อย่างการกินของผู้คนมาใช้ดึงดูดความรู้สึกให้ผู้ชมรับรู้ถึงการกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้งของแฟรนไชส์ภาพยนตร์แห่งทศวรรษเรื่องนี้ ก่อนที่การตลาดความกลัวจะขยายออกไปสู่พื้นที่ On Ground อีกหลายรูปแบบจนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกเลย
ทั้งป้ายบิลบอร์ดที่มีหุ่นเท่าขนาดคนจริงแขวนอยู่หน้าบิลบอร์ด สวมใส่ชุดของช่างเปลี่ยนป้าย เสมือนว่าพวกเขากำลังมาเปลี่ยนป้ายบิลบอร์ด แล้วมีหุ่นตัวหนึ่งห้อยหัว มีเลือดกระจายอยู่โดยรอบ ดูสยดสยองและเหมือนจริงสุด ๆ

หรือที่ฮือฮาอย่างมากเลยก็คือรถบรรทุกท่อนซุงที่วิ่งไปบนถนนในหลายพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการหยิบเอาฉากที่น่าจดจำช่วงเปิดเรื่องของ ‘Final Destination 2’ (2003) ที่จู่ ๆ ท่อนซุงเจ้ากรรมของรถบรรทุกคันหน้าที่กำลังวิ่งบนถนนหลุดลงมาจากรถ แล้วค่อย ๆ พุ่งเข้าหารถยนต์คันที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งก็เป็นฉากที่สร้างความกลัวรถบรรทุกท่อนซุงของคนทั้งโลกไปโดยปริยาย พวกเขาจึงหยิบเอา Insight นี้มาต่อยอดเป็นการตลาดแห่งความกลัวที่ออกแบบรถบรรทุกท่อนซุงปลอมขึ้นมาให้ดูเก่า เปรอะเลือด และดูน่ากลัว ด้านหลังก็เผยให้เห็นท่อนซุงกองทับกันจนเต็มคันรถ พร้อมโลโก้ภาพยนตร์ ‘Final Destination: Bloodlines’


ไปจนถึงคอร์สอาหารสุดพิเศษจากการตลาดของ Warner Bros. ประเทศเบลเยียม ที่พวกเขาเอาผู้โชคดีไปนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารลอยฟ้าที่ถูกห้อยอยู่กลางแจ้ง ด้วยความสูงขนาดมองลงไปใจก็หวิวได้ เพื่อให้ผู้คนที่มีโอกาสขึ้นไปนั่งกินได้สัมผัสกับการกินอาหารท้าความสูง เหมือนในฉากหนึ่งของตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนั่นเอง
@warnerbrosbelgium 🎬✨ This weekend, we took Final Destination to new heights—literally! 🥂 Guests were hoisted into the sky in Brussels to celebrate the release of #FinalDestinationBloodlines. Don't miss the thrill, now playing in cinemas! 🎥🍿#FinalDestination #Bloodlines #FilmTok #WBBEL #foryoupagе #MovieTok #fyp ♬ original sound – Warner Bros. Belgium
เรียกได้ว่ากรณีศึกษาด้าน ‘Fear Marketing’ หรือการตลาดแห่งความกลัวของการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง ‘Final Destination: Bloodlines’ ทำให้มีผู้คนมากมายให้ความสนใจกับการกลับมาในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ลำพังแค่การกลับมาเฉย ๆ ก็น่าสนใจไม่น้อยแล้ว ยิ่งมีการตลาดที่ชวนให้ผู้คนย้อนนึกถึงฉากสำคัญในความทรงจำที่พวกเขามีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อีก เชื่อเหลือเกินว่าจากความกลัวในจิตใจผู้คนจะแปรเปลี่ยนเป็นความชอบ และเสียงตอบรับในการเข้าโรงภาพยนตร์ไปสัมผัสเรื่องราวการโกงความตายครั้งใหม่นี้ได้อย่างไม่ยากเย็น
