ในช่วงเวลานี้ หนึ่งประเด็นที่ทั้งสังคมไทยและในต่างประเทศกำลังพูดถึงคือ การเสียชีวิตของชาวเวียดนาม 6 ศพ ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ โดยเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจครั้งนี้ ทำให้สังคมมีการถกเถียงในหลาย ๆ เรื่อง และหนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงก็คือ ‘นโยบายฟรีวีซ่า’ นั่นเอง
หากย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องราวโดยสรุปคือ วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 แม่บ้านของทางโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ได้เข้าไปพบศพชาวเวียดนาม 6 ศพ เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 3 คน ซึ่งบางคนมีประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง และจากการชันสูตรพบว่า ทุกคนเสียชีวิตจากการดื่มชาที่มีส่วนผสมเป็นสารไซยาไนด์ โดยหนึ่งในบุคคลที่เสียชีวิตถูกต้องสงสัยว่าวางยาทุกคนและฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องการทำธุรกิจร่วมกันมูลค่า 10 ล้านและยังตกลงกันไม่ลงตัว ในตอนแรกมีการนัดมาไกล่เกลี่ยกันที่ประเทศญี่ปุ่น แต่วีซ่าไม่ผ่านจึงได้เปลี่ยนมาพูดคุยกันที่ประเทศไทยแทน และก็เกิดโศกนาฏกรรมกลางเมืองกรุงเทพฯ ในเวลาต่อมา
ประเด็นต่อมาที่มีการพูดถึงคือ ในช่วงแรกที่มีข่าวในลักษณะเดียวกันแพร่กระจายออกไป แต่ต่างกันตรงวิธีการคือ มีชาวต่างชาติถูกยิงเสียชีวิต 6 ศพ ในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านราชประสงค์ ซึ่งการเซนเซอร์ชื่อโรงแรมของสื่อนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมถึงให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนในช่วงเวลาที่ประชาชนกำลังตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย แต่ในเวลาต่อมาก็มีการแก้ข่าวว่าไม่ใช่การยิงกันแต่เป็นการวางยาเพื่อฆาตกรรม ก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงที่ว่าข่าวที่ดีคือข่าวที่เร็วจริงหรือ? และข่าวที่เร็วแต่ข้อมูลผิดเป็นสิ่งที่สมควรทำจริง ๆ หรือ? และอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันถัดจากนั้นคือ ‘นโยบายฟรีวีซ่า’ กำลังมีช่องโหว่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศในด้านอื่น ๆ หรือไม่?
ทาง รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช ผอ.สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘The Expose’ ถึงนโยบายฟรีวีซ่าว่าเปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะเมืองไทยมีโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างที่รองรับการเดินทางของผู้คนในหลาย ๆ ชาติ ทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาด้วยเหตุผลอะไรหลาย ๆ อย่าง และหากมีนโยบายฟรีวีซ่าก็จะช่วยให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง แต่สิ่งที่ต้องคิดตามกันมาคือการปฏิรูปโครงสร้างเจ้าหน้าที่และระบบความปลอดภัยอย่างรอบด้าน
นอกจากนี้ทาง ‘อลงกรณ์ เหมือนดาว’ บรรณาธิการ ข่าว 3 มิติ เคยให้มุมมองเกี่ยวกับนโยบายฟรีวีซ่าไว้ว่า การเปิดนโยบายฟรีวีซ่ากระตุ้นภาคการท่องเที่ยวแน่นอน และอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่าง ๆ มีมาก่อนนโยบายฟรีวีซ่า และที่อาชญากรระดับใหญ่ ๆ เลือกประเทศไทยเพราะต่อรองอำนาจกับผู้มีอิทธิพลได้ง่ายบวกกับการเป็นศูนย์กลางของประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นการมีนโยบายฟรีวีซ่าไม่ใช่ต้นตอของปัญหาแต่อาจจะเป็นการเปิดการช่องโหว่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ให้เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ต้องช่วยกันอุดช่องโหว่นี้คือต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรให้เข้มงวดมากขึ้นและควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้รับสินบน
อย่างไรก็ดี ทาง ‘นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ออกมาย้ำชัดอีกครั้งว่า โศกนาฎกรรมครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับนโยบายฟรีวีซ่าแต่เป็นปัญหาเรื่องส่วนตัว และรัฐบาลเชื่อว่าหากเปิดฟรีวีซ่า 93 ประเทศแล้วจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 36.7 ล้านคน และจะมีรายได้ไหลเข้าประเทศถึง 3.5 ล้านล้านบาท
อ้างอิง
- https://www.bbc.com/thai/articles/c9x8n6ydg29o
- https://tja.or.th/view/activities/radio-tja/1451593
- https://www.youtube.com/watch?v=oZMLxbghTgE
- https://www.thebangkokinsight.com/news/politics-general/general/1356066/
- https://www.thaipbs.or.th/news/content/342122
- https://www.facebook.com/watch/?v=861594412486454
- https://tja.or.th/view/activities/radio-tja/1451593