ปัจจุบันนี้ AI และ Metaverse กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกในแต่ละภาคส่วน ทั้งเรื่องใกล้ตัวหรือไกลตัวที่หลายคนอาจจะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของ AI แต่แท้จริงแล้วหลากหลายวงการที่เราใช้บริการนั้นได้หยิบนำเอาความสามารถของมันมาช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว

ในงานสัมมนา ‘The New Era of Modern Healthcare and Medical Education’ ก็ได้เปิดโลกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของการนำ AI มาเอื้ออำนวยวงการการศึกษา และวงการการแพทย์ เพื่อทำให้ระบบการทำงานซ้ำซาก หรือช่องว่างของความยากลำบากในระบบการทำงานบางอย่างสะดวกสบายกว่าเดิม

SUM UP เลยขอหยิบเอาเทคโนโลยีที่น่าสนใจในวงการเหล่านี้มาเล่าต่อให้ฟังกันอย่างง่าย ๆ เพื่ออัพเดตความก้าวหน้าของโลกตอนนี้ให้คุณได้รู้จักกัน

‘AI’ และ ‘Metaverse’ ในวงการการศึกษา

ธนชาติ วิวัฒนาภูติ

‘คุณธนชาติ วิวัฒนาภูติ’ Head of Strategic Solution – Cloud and software ของ Lannacom บริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษา พาเราไปแนะนำโลกการทำงานของวงการการศึกษา ที่มี AI มาเป็นส่วนช่วยเหลือบุคลากรในหลากหลายแง่มุม

เริ่มจากพาเราไปแนะนำ ‘Canvas’ ระบบที่มาช่วยการจัดการทางการเรียนรู้ที่มีอัตราการเติบโตทางบริษัทสูงทั่วโลก จากการเป็นแพลตฟอร์มที่ที่ใช้งานง่าย มีคุณภาพสูง และมีความเสถียรสูง จากการนำมาใช้ในการจัดสอบ ‘TEDET’ ในระบบออนไลน์ที่มีผู้เข้าสอบรวมกว่า 50,000 คน แล้วระบบไม่ล่ม รวมถึงยังเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งที่ผู้ให้บริการทางการศึกษาทั่วโลกใช้กัน

จุดเด่นหนึ่งของ Canvas ที่นำเอาเทคโนโลยี Open Batch ซึ่งคล้าย ๆ กับ Blockchain มาใช้ในการสร้างใบประกาศนียบัตร หรือ Badge ที่ได้รับจากการศึกษาในสถานศึกษาที่ใช้ระบบเดียวกันนี้ เพื่อทำให้ใบประกาศนียบัตรนี้สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้มากที่สุด ต่างจากรูปแบบกระดาษที่สามารถปลอมแปลงได้ง่ายกว่า

ถัดมากับ ‘Dagga’ ระบบจากประเทศสวีเดนที่ช่วยทำให้ระบบการสอบของสถาบันการศึกษารัดกุม และตรวจสอบได้อย่างง่าย จากการนำ AI มาช่วยประมวลผลข้อมูล ทั้งการคิดข้อสอบจากการโยนเนื้อหาลงไป แล้วให้ AI Chat ประมวลผลออกมาเป็นชุดคำถามในหลายระดับความยากได้ อีกทั้งการที่มันยังสามารถช่วยตรวจข้อสอบอัตนัยที่ผู้เรียนพิมพ์คำตอบมา ผ่านการนำ AI มา Gen ว่าช่วงไหนของคำตอบถูกต้องหรือผิดพลาดบ้าง

หรือแม้แต่การสร้างระบบเพื่อป้องกันการทุจริตในการสอบออนไลน์ อาจจะเป็นการแอบคุยกันระหว่างแพลตฟอร์มอื่นเพื่อแลกคำตอบกัน หรือการค้นหาคำตอบระหว่างการทำข้อสอบ Dagga ก็มีระบบป้องกันอย่างรัดกุมเช่นกัน รวมถึงระบบการ Monitoring ระหว่างการสอบ ที่หากผู้สอนพบว่านักศึกษามีอาการยุกยิก แอบดูคำตอบจากระบบ Offline ก็ยังสามารถกดยุติการสอบของผู้เรียนคนนั้น ๆ ได้อีกด้วย

ทั้งหมดนี้ช่วยให้บุคลากรทางการศึกษาที่ต้องเจอกับคลังเนื้อหาในการศึกษามากมาย หรือสามารถร่นระยะเวลาในการทำงานลงได้

‘AI’ และ ‘Metaverse’ ในวงการการแพทย์

ในวงการการแพทย์ Microsoft ก็สร้างระบบช่วยเหลือทั้งผู้ป่วยและผู้รักษาเองในหลายด้าน จนกลายเป็นระบบที่ชื่อ ‘Microsoft Cloud For Healthcare’ ที่นำโครงข่ายสัมพันธ์ของผลิตภัณฑ์ในเครือมาช่วยเหลือให้ระบบสาธารณะสุขมีประสิทธิภาพขึ้น

‘คุณนริศร ลิมปสวัสดิ์ไพศาล’ Client Technology Lead ประจำ Microsoft ประเทศไทย ได้มาบอกเล่าเรื่องราวนี้ด้วยตัวเอง ถึงความก้าวหน้าของโลกใบนี้ที่ Microsoft จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาได้

โดยตัวอย่างหนึ่งที่มีการเอา ChatGPT มาพัฒนาการทำงานของวงการการแพทย์ได้นั่นคือ BioGPT แพลตฟอร์มที่นำ GPT-2.5 มาฝึกกับข้อมูลงานวิจัยด้านชีววิทยา เพื่อให้ฐานข้อมูลดังกล่าวสามารถให้คำตอบจากการวิเคราะห์ของ AI

หรือการที่ MIcrosoft พัฒนา ‘Copilot’ ผู้ช่วยที่คอยช่วยเหลือผู้ใช้งาน Micrrosoft 365 ที่ขับเคลื่อนระบบและชุดความคิดด้วย AI สิ่งนี้ก็สามารถนำมายกระดับการให้บริการให้ผู้ป่วยสามารถได้รับบริการที่ทันใจ

กรณีศึกษาจาก สปสช. ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการสร้าง ‘ระบบหมอประจำบ้านอัจฉริยะ’ หรือ Doctor at Home ผ่านไลน์ของสปสช. ที่ทำให้ทุกคนสามารถตรวจอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเองผ่าน AI DMIND เพื่อคัดกรองผู้ป่วยในขั้นต้นก่อนเข้ารับการรักษาในระบบสาธารณสุขต่อไป หรือการนำ ‘Dax Copilot’ มาใช้ในการสรุปสาระสำคัญของการสนทนาระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ ซึ่งช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ลดระยะเวลาการทำงานลงได้หลายระดับ

เช่นเดียวกับโปรเจกต์ของ ‘apoQlar’ ที่ Mr. Sirko Pelzl มาช่วยบรรยายถึงความน่าสนใจในการนำโลก Metaverse มาสร้างเป็น ‘HoloMedicine Platform’ ที่ทำให้จากการทำงานในวงการแพทย์ที่เห็นภาพจำลองในรูปแบบ 2D ให้กลายเป็นภาพ 3D หรือ 4D ไดด้แบบเสมือนจริง โดยเฉพาะการมีอยู่ของ Hololens แว่นใสที่จำลองภาพของชิ้้นส่วน Anatomy ในร่างกายผ่านรูปแบบ Hologram ที่สามารถทำให้การวางแผนการรักษาทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งต่อยอดมาจากเทคโนโลยี AR (Augmented Reality), VR (Virtual Reality) และ MR (Mixed Reality) อีกทั้งยังมี ‘HoloMedicine Space’ ที่จำลองโลกการทำงานทางการแพทย์ในแบบ Metaverse ซึ่งช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เห็นภาพในการทำงานมากขึ้น

เชื่อเหลือเกินว่าการที่เทคโนโลยีทันสมัยที่ใครหลายคนอาจจะเคยไม่ให้ความสำคัญมากขนาดนั้น ถูกเอามารวมกับรูปแบบการทำงานที่ยังมีจุดบกพร่องบางแง่มุม ก็ช่วยให้ได้นวัตกรรมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และยังทำให้การส่งต่อการบริการไปยังลูกค้า หรือผู้รับบริการมีประสิทธิภาพ และได้ประโยชน์ครบถ้วนกันทุกฝ่าย

AUTHOR

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป