ขึ้นชื่อว่า ‘สงคราม’ มันไม่เคยโอบอ้อมอารีหรือหวังดีกับใคร มันเรียกร้องจากเรามากกว่าเดิมทุกครั้ง ซึ่งนั่นหมายถึงทุกชีวิตที่ต้องเซ่นสังเวยให้ไป ที่ซ้ำร้ายคือแท้จริงแล้วไฟสงครามไม่เคยมอดดับ มันยังคงคุกรุ่นต่อไปแม้ใครจะอ้างว่ารดน้ำดับมันไปแล้ว
เมื่อครั้งสงครามเย็นที่มีการเล่นกลเกมทางประสาทระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ไม่มีกระสุนจากปลายกระบอกปืนของใครลั่นไกออกมา ไม่มีระเบิดหรือเรือรบคอยเทียบท่า ไม่มีใครเข่นฆ่ากันทางตรงแต่สงครามยังคงดำเนินต่อไป ทั้งการพัฒนานิวเคลียร์ สงครามจิตวิทยา โฆษณาชวนเชื่อ เทคโนโลยีอวกาศ การคว่ำบาตร หรือแม้กระทั่งการแข่งกีฬา ทุกอย่างล้วนเป็นสงครามและการต่อสู้เพื่อก้าวเป็นมหาอำนาจโลก
ไฟเย็นจากสงครามเย็นลุกไหม้ช้าทว่าส่งผลเสียในระยะยาว แม้มันจะนำพาองค์ความรู้บางอย่างมาด้วย ทั้งผลกระทบจากความพยายามที่จะ “เจริญ” โดยการเบียดเบียนโลกและธรรมชาติ ซึ่งมันกำลังฆ่าเราอย่างช้า ๆ จากผลของการกระทำในครั้งอดีต รวมถึงความทะเยอทะยานในการเป็นเจ้าของโลกใบนี้ สุดท้ายสงครามก็ยังคงเป็นสงคราม มันกำลังจะพรากธรรมชาติและชีวิตไปจากเรา
นิทรรศการ โลกร้าว: เรื่องเล่าขนาดย่อมจากเส้นทางโฮจิมินห์ถึงทุ่งหญ้าสเต็ปป์ ของบรรดาศิลปินจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยูเรเชีย พยายามบอกเล่าผลกระทบจากสงครามเย็นที่ยังคงแฝงเร้นไว้ในวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น รวมถึงธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่มีผลมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจัดแสดงผลงานจาก 13 ศิลปิน ได้แก่ อัลมากุล เมนลิบาเยวา, อู ซาว ยี, จุฬญาณนนท์ ศิริผล, ดินห์ คิว เล, จุน ยัง, ราฟาล มิลาซ, สปุตนิก โฟโต้ คอลเล็กทีฟ, ส้ม ศุภปริญญา, ทัศนัย เศรษฐเสรี, วัชรนนท์ สินวราวัฒน์, คีต์ตา อิสรั่น และประทีป สุธาทองไทย



ภายในนิทรรศการจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สงครามจิตวิทยา การทูตเชิงวัฒนธรรม และการแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์และอวกาศ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามเย็นที่ยังคงเหลืออยู่ในสังคม วิถีชีวิต แนวคิดทางการเมือง และธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การประชุม เสวนาศิลปินและภัณฑารักษ์ โปรแกรมฉายภาพยนตร์ และการเดินสำรวจพื้นที่อีกด้วย
หากใครอยากสัมผัสมุมมองจากศิลปินหลากหลายเชื้อชาติ ผู้มีภูมิหลังกับสงครามและบาดแผลทางวัฒนธรรม สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมนิทรรศการ โลกร้าว: เรื่องเล่าขนาดย่อมจากเส้นทางโฮจิมินห์ถึงทุ่งหญ้าสเต็ปป์ได้ที่ ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร, หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ณ ห้องแกลเลอรี่ 1 & 2, ห้องสมุดวิลเลียม วอร์เรน และพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2568











