“เกรงว่าฉันจะสภาพทรุดโทรมไปเสียหน่อย”
“ผิดแล้ว เธอเปล่งประกายมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย”
ต่อให้คุณจะเก่งกาจมาจากไหน ล่วงรู้ความเป็นไปของโลกใบนี้มาเท่าไหร่ แต่เมื่อคุณได้เป็นแม่ใครสักคน คุณจะรู้ว่าแท้จริงแล้วความสมบูรณ์แบบคือความไม่สมบูรณ์แบบ และนี่คือสิ่งที่แอนิเมชันแนวผจญภัยอบอุ่นหัวใจ อย่าง ‘The Wild Robot’ มอบให้กับคนดู การตั้งคำถามถึงศีลธรรมของหุ่นยนต์ หัวจิตหัวใจของปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีและการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ รวมถึงความสวยงามของการเป็นแม่ องค์ประกอบทั้งหมดผสานเข้ากันอย่างลงตัว ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุกสนาน ทว่าเฉียบคมและเชื่อมโยงกับความรู้สึกของคนดู จนอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นหนึ่งในแอนิเมชันที่ดีที่สุดในปี 2024 นี้
The Wild Robot ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือวรรณกรรมเยาวชนในชื่อเดียวกัน โดยได้ คริส แซนเดอร์ส มานั่งแท่นผู้กำกับและเขียนบท ภายใต้การรังสรรค์ของค่าย Dream Works Animation บอกเล่าเรื่องราวของหุ่นยนต์อัจฉริยะที่บังเอิญตกลงไปในป่าที่ไร้ซึ่งมนุษย์ จากอุบัติเหตุทางการขนส่งในช่วงที่เกิดไต้ฝุ่นรุนแรง ทำให้หุ่นยนต์ตัวนี้ต้องเรียนรู้การเอาชีวิตรอดในป่าและปรับตัวเข้ากับสรรพสัตว์ในละแวกนั้น กระทั่งได้พบกับภารกิจใหม่ที่เปลี่ยนตัวตนของหุ่นยนต์ตัวนี้ไปตลอดกาล หากใครที่ยังไม่ได้ดู The Wild Robot สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ เพราะเนื้อหาของบทความต่อไปนี้ มีการเผยแพร่ฉากสำคัญของเรื่อง
ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะครอบจักรวาล และการปรับตัวเขากับธรรมชาติของสัตว์ป่า
หุ่นยนต์ Rossum 7134 หรือ Roz เป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะที่สามารถช่วยให้ชีวิตของมนุษย์ทำงานง่ายขึ้นด้วยระบบประมวลผลสุดล้ำหน้าและความสามารถในการแก้ปัญหาที่ครอบจักรวาล ทว่าเมื่อ Roz ตกลงมาในป่ากว้าง เธอเป็นเพียงหุ่นกระป๋องตัวหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ความแปรปรวนของป่าและสรรพสัตว์ที่เดาทางไม่ได้ เธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะสามารถประมวลผลและเรียนรู้พฤติกรรมต่าง ๆ ของสิ่งแวดล้อมใหม่ที่ไม่รองรับต่อการมีอยู่ของเธอ
ในจุดนี้มันเหมือนเป็นการเปรียบเปรยว่า ต่อให้คุณเก่งกาจมาจากไหน มีความสามารถมากเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณล่วงรู้ทุกอย่างแล้ว แม้แต่สิ่งที่ใกล้เคียงคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ มากที่สุด ยังคงต้องเรียนรู้เพื่อปรับตัวและอยู่รอด Roz พยายามศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ต่าง ๆ และพลิกแพลงใช้ระบบประมวลผลอัจฉริยะของเธอวิเคราะห์ภาษาของพวกมันจนสามารถสื่อสารกับสัตว์บางตัวได้ และการปรับตัวนี่แหละที่เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญให้เธอสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
ภารกิจการเป็นแม่ ที่แม้แต่หุ่นยนต์อัจฉริยะก็ไม่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้
ในช่วงที่ Roz ยังปรับตัวเข้ากับป่าไม่ได้และพยายามเดินทางออกตามหาผู้สั่งการเธอ Roz ดันประสบอุบัติเหตุผลัดตกลงไปที่หน้าผา ซึ่งนั่นทำให้แม่ห่านตายและไข่อีกสองใบของมันแตก ทว่าในช่วงที่เธอกำลังสับสนก็ได้พบกับไข่ห่านหนึ่งใบที่ยังสมบูรณ์ดี Roz เก็บไข่ใบนั้นติดตัวมาด้วย ก่อนที่ ‘แสนกล’ สุนัขจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์พยายามช่วงชิงมันไปจากเธอ ทว่าสุดท้ายแล้วเธอก็รักษาไข่ใบนั้นไว้ได้กระทั่งมันฟักออกมา แล้วเรียกเธอว่า “แม่”
ลูกห่านพยายามติดตามเธอไปทุกที่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ Roz ไม่เข้าใจ สำหรับเธอ ภารกิจฟักไข่ห่านนั้นสำเร็จแล้ว แต่ภารกิจของการเป็นแม่เธอไม่อาจเข้าใจได้ เนื่องจากการเป็นแม่อยู่นอกเหนือโปรแกรมของเธอ ต่อมา Roz และลูกห่านได้เจอกับตัวโอพอสซัมแม่ลูกอ่อนซึ่งแนะนำวิธีการเลี้ยงลูกห่านคร่าว ๆ ให้กับเธอ แต่ด้วยความเป็นแม่มือใหม่ก็พบเจอกับอุปสรรคและกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่ด้วยการร่วมมือกันกับแสนกลและคุณแม่ตัวโอพอสซัม รวมถึงการไม่หยุดเรียนรู้ของ Roz ทำให้สุดท้ายแล้วลูกห่านน้อยก็เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
เส้นเรื่องในช่วงนี้สะท้อนให้เห็นว่า ไม่มีใครดีพร้อมสำหรับการเป็นแม่ ไม่เคยมีใครถูกตั้งโปรแกรมการเลี้ยงลูกเอาไว้ทั้งนั้น แต่เมื่อเราได้เป็นแม่แล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการพยายามเรียนรู้ร่วมกันกับเขา ซึ่งบทสนทนาของตัวละครในช่วงนี้ก็จะเต็มไปด้วย ‘วิธีการความเป็นแม่ 101’ ที่ไม่มีกฎบัญญัติตายตัว ทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีความสมบูรณ์แบบในการเป็นแม่ เพราะความสมบูรณ์แบบคือความไม่สมบูรณ์แบบ และความสวยงามของความสัมพันธ์คือการเรียนรู้ร่วมกัน
การส่งลูกไปถึงฝัน คือของขวัญชิ้นสำคัญที่แม่มอบให้
หนึ่งในภารกิจการเป็นแม่ของ Roz คือการฝึกให้ลูกห่านบินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ลูกห่านของ Roz ไม่เคยอยู่ร่วมกับฝูงห่านตัวอื่นมาก่อน นั่นทำให้เขาว่ายน้ำไม่แข็งและบินไม่เป็น ทว่า Roz พยายามฝึกฝนเขาอยู่ตลอดด้วยทุกวิถีทางที่เธอมี จนร่างกายของเธอผุพัง อะไหล่บางชิ้นหล่นหาย มีน้ำมันรั่วไหลออกมาตลอดเวลา ทว่าสุดท้ายลูกห่านน้อยก็สามารถโบยบินได้ดั่งปรารถนา ลูกห่านสง่างามไม่ต่างจากห่านตัวอื่น ๆ จนห่านอาวุโสผู้นำฝูงถึงกับชื่นชมในตัว Roz ว่าเธอเป็นแม่ที่ดี จนเกิดเป็นบทสนทนาหนึ่งที่น่าจดจำ
“เกรงว่าฉันจะสภาพทรุดโทรมไปเสียหน่อย” Roz กล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
“ผิดแล้ว เธอเปล่งประกายมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย” ห่านอาวุโสตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ
ในส่วนนี้มันเหมือนเป็นการติดเข็มประดับยศเล็ก ๆ ให้กับผู้เป็นแม่ ต่อให้เธอร่างกายทรุดโทรมจากการเลี้ยงลูก ต้องเสียสละความเป็นตัวเองบางอย่างไป ดูไม่งดงามเหมือนใหม่ แต่รู้ไหมว่าการเลี้ยงใครสักคนหนึ่งให้เติบโตมากล้าเผชิญกับโลกกว้าง นั่นคือความงดงามอันหาที่สุดมิได้ และตอนนี้เหล่าแม่ทุกคนเปล่งประกายมากกว่าแต่ก่อนอีก ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพความเป็นแม่ที่ต้องเสียสละให้กับลูก ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด แม่ก็ยังมีความงามในแบบจำเพาะของตนเอง
ก่อนที่ห่านอาวุโสจะพูดคุยกับลูกห่านน้อยว่า รู้หรือไม่ว่าการบินในครั้งนี้ เป็นของขวัญที่แม่ของเธอมอบให้ ซึ่งทำให้เราเห็นว่าทุกความพยายามของเรามักมีแม่คอยสนับสนุนอยู่เสมอ การที่เราได้ออกไปโบยบินตามใจฝันในโลกใบใหญ่ คือของขวัญชิ้นสำคัญที่แม่มอบให้ และแน่นอนว่าในทำนองเดียวกัน การที่เราได้เฉิดฉายสยายปีกตามความปรารถนา คือของขวัญชิ้นสำคัญที่แม่ได้รับเช่นกัน
ถ้าคุณรักป่า ป่าจะรักคุณเช่นกัน
ในช่วงองก์สุดท้ายของเรื่อง Roz เขียนโปรแกรมทับโปรแกรมตัวเองไปเรื่อย ๆ เพื่อเรียนรู้ที่จะรักและดูแลลูก รวมถึงเพื่อนบ้านสรรพสัตว์คนอื่น ๆ นั่นทำให้เธอกลายเป็นหุ่นยนต์ที่เสมือนมีหัวจิตหัวใจของป่า ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บกว่าปีก่อน ๆ Roz และเพื่อนสุนัขจิ้งจอกของเธอเจ้าแสนกลได้ออกรวบรวมสัตว์ทุกตัวทั่วผืนป่ามาผิงไฟเพื่อบรรเทาความหนาวในบ้านของเธอ เหล่าสัตว์รักเธอมาก เพราะเธอไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทว่าทำเพื่อตัวอื่น ๆ ด้วย จนเมื่อถึงวันที่บริษัทต้นสังกัดของ Roz มาเก็บกู้เธอกลับบริษัท และพยายามใช้ความรุนแรงฉกชิงเธอไป เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันมาปกป้องและช่วยเหลือเธอ นั่นคือผลตอบแทนที่เธอรักผืนป่านี้ สุดท้ายป่าตอบรับและยื่นมือเข้ามาคุ้มกันเธอ
จุดนี้เป็นสัญญะเล็ก ๆ ที่แอนิเมชันพยายามสื่อสารกับเรา หากคุณเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับป่าและรักษามันมากพอ สักวันหนึ่งมันจะตอบแทนคุณในทางของมันเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นสัตว์ มนุษย์ หรือหุ่นยนต์ ป่ามีวิธีการในการช่วยเหลือเราอย่างแน่นอน ผ่านแหล่งอาหาร พลังงาน และความเอื้ออาทร ซึ่งในตอนสุดท้าย Roz ได้ตะโกนออกมาว่า “ฉันคือหุ่นยนต์ป่า” พร้อมกับร้องคำรามออกมาพร้อมกับสัตว์ทุกตัว มันสะท้อนใจมากเมื่อเห็นปัญญาประดิษฐ์ผนวกรวมเข้ากับความเป็นป่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ และตั้งคำถามต่อความเป็นมนุษย์
และนี่คือสิ่งที่ The Wild Robot ฝากฝังเอาไว้ในหัวใจของเราหลังดูจบ มันชวนตั้งคำถามถึงศีลธรรมอะไรบางอย่าง มันกลับมีความเป็นมนุษย์มากกว่าเรา จากการที่มนุษย์ตั้งโปรแกรมเอาไว้ มันเหมือนกับว่าตอนที่เราสร้าง AI หรือหุ่นยนต์ เราใส่โปรแกรมของความดีงามที่เราไม่อาจทำได้ในชีวิตจริง จนมันก้าวข้ามเราไปอีกหนึ่งขั้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และนี่คืออีกหนึ่งความงดงามของความเป็นไปได้ที่แอนิเมชันไซไฟพยายามบอกกับเรา ในอนาคตหุ่นยนต์อาจมีความเป็นมนุษย์มากกว่ามนุษย์อีกด้วยซ้ำ