3 องค์กรวิชาชีพสื่อ

วันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ออกแถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เรื่องสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมทั้งมีการสูญเสียทรัพย์สินทางพลเรือนในหลายสถานที่ และกำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้บนโลกออนไลน์ โดยเป็นโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร และสังคม Echo Chamber ที่อาจจะสร้างเรื่องราวบิดเบือน และกระแสข่าวที่ผิดพลาดออกสู่วงกว้างได้

ทั้ง 3 องค์กรวิชาชีพด้านสื่อมวลชนต่างมีความห่วงใยต่อสถานการณ์และความปลอดภัยของประชาชน ไม่อยากให้ทุกภาคส่วนเกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ รวมทั้งเป็นห่วงสวัสดิภาพเพื่อนสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ทำข่าวในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ที่ต้องระมัดระวังตัวเองให้มีความปลอดภัย ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ จึงอยากให้เพื่อนสื่อมวลชนตระหนักรู้ถึงแนวทางการรายงานข่าวภายใต้แนวปฏิบัติสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เรื่อง การนำเสนอข่าวสงครามหรือการสู้รบระหว่างประเทศ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีรายละเอียดการนำเสนอข้อมูลข่าวสารดังต่อไปนี้

1. ต้องนำเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบตามข้อเท็จจริง ไม่นำเสนอข้อมูลหรือความคิดเห็นที่สร้างความเข้าใจผิด ความเกลียดชัง และอคติต่าง ๆ

2. พึงระมัดระวังการเสนอภาพ หรือคลิปความสูญเสียที่สยดสยองหรือหวาดเสียว โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่นำความสูญเสียในสงครามเป็นเครื่องมือกระตุ้นยอดขาย หรือยอดคนดู

3. ต้องระบุแหล่งที่มาของภาพ คลิปวิดีโอ หรือข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย ก่อนนำมาเสนอประกอบข่าว เพราะอาจเป็นภาพหรือคลิปวิดีโอจากเหตุการณ์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ในกรณีการใช้แฟ้มภาพข่าว ควรระบุวันที่และบริบทให้ชัดเจนด้วย

4. ต้องไม่นำเสนอข่าวหรือภาพข่าวที่เป็นการเปิดเผย ข้อมูลรายละเอียดทางยุทธศาสตร์ หรือยุทธวิธีที่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง

5. พึงเสนอข่าวโดยให้ความสำคัญต่อหลักมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสงคราม (Rules of war) เช่น การใช้กำลังอย่างพอเหมาะและหลีกเลี่ยงความสูญเสียของพลเรือน การแยกแยะเป้าหมายทางทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย การปฏิบัติต่อเชลยศึก การใช้อาวุธต้องห้ามตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เป็นต้น

6. พึงแยกแยะระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ไม่ควรเหมารวมว่านโยบายของชาติเป็นเรื่องเดียวกับความคิดเห็นหรือทัศนคติของประชาชนทั้งหมดในชาติเสมอไป และควรแสวงหาแหล่งข้อมูล และแหล่งข่าวหลากหลายที่มิได้ขึ้นตรงกับรัฐเพียงอย่างเดียว รักษาและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี

7. ควรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย หลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สู้รบที่ยังไม่มีการหยุดยิง และปฏิบัติตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย

พร้อมกันนี้ขอให้กองบรรณาธิการแต่ละองค์กรสื่อประสานงานกับสื่อมวลชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเป็นระยะ เพื่อประเมินความเสี่ยงของสถานการณ์ร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียบุคลากรในวิชาชีพ

AUTHOR

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป