ทิม ฟรีดี (Tim Friede) นักวิทยาการสัตว์เลื้อยคลานและผู้เชี่ยวชาญด้านพิษงู

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ชีวิตแลกชีวิต” กันมาบ้าง ไม่ว่าจะแง่ดีหรือร้ายก็ตาม ประโยคนี้ชี้ให้เห็นว่าในบางเหตุการณ์ สิ่งมีชีวิตบางประเภทก็ยอมเอาตัวเองเข้าสู่สมการอะไรบางอย่าง เพื่อเหตุผลบางประการที่อาจจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น

น่าจะเหมือนกับชีวิตของชายชาวแคลิฟอร์เนียที่ชื่อ ‘ทิม ฟรีดี (Tim Friede)’ ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นนักวิทยาการสัตว์เลื้อยคลานและผู้เชี่ยวชาญด้านพิษงู ที่เริ่มต้นเรียนรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองเมื่อราว 18 ปีที่แล้ว ในปี ค.ศ. 2001 เขาทดลองกับตัวเองด้วยการฉีดพิษงูเจือจางเข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน เผื่อว่าวันไหนเขาโดนงูกัดขึ้นมาสิ่งนี้อาจจะช่วยเขาจากภาวะเหล่านั้นได้

ดูบ้าบอไม่น้อย เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าพิษงูคือสิ่งอันตราย ใครจะกล้าเอาตัวเองไปเสี่ยงทำอะไรแผลง ๆ แบบที่ทิมทำ “มันกลายเป็นวิถีชีวิตของผมไปแล้ว” ทิมเล่าให้ ลอร่า โคตส์ (Laura Coates) นักข่าว CNN ฟังในรายการข่าวทางโทรทัศน์ “เหตุผลที่ผมยอมให้มันกัดหลายต่อหลายครั้ง ก็เพื่อให้ผมคุ้นเคยกับมัน ผมรู้สึกตัวเองสบายใจขึ้นเมื่อได้ใกล้ชิดกับงูพิษ มันกลายเป็นความเสพติดของผมไปแล้ว”

วิธีเอางูมาลองกัดที่แขน ดูน่ากลัวไม่น้อยเลย – ภาพจาก Tim Friede

ตลอดระยะเวลา 18 ปีของทิม เขาเอางูหลากหลายชนิดมากัดที่แขนตัวเองมากกว่า 200 ครั้ง รวมถึงเตรียมพิษของงูที่อันตรายที่สุดในโลกมาฉีดเข้าร่างกายตัวเองไปแล้วมากกว่า 700 ครั้ง ตีกลม ๆ เกือบ 900 ครั้งที่พิษงูเข้าร่างกายของเขา ซึ่งนอกจากเขาจะทดลองกับร่างกายตัวเองแล้ว เขายังถ่ายวิดีโออัปโหลดเก็บไว้ใน YouTube รวมถึงยังบันทึกข้อมูลเก็บไว้อย่างละเอียด เพราะเขารู้ตัวมากขึ้นว่าเลือดของเขามันพิเศษกว่าคนทั่วไป

งูแมมบาดำ งูเห่า งูหางกระดิ่ง งูไทปัน งูสามเหลี่ยม และงูพิษหลากหลายสายพันธุ์ฝังเขี้ยวเข้าไปยังเนื้อตัวของเขา และเขาก็รอดมาได้ทุกครั้ง แม้ครั้งแรก ๆ ที่เขาลองเอางูเห่ามากัดตัวเองถึง 2 ครั้ง เขากลายเป็นผู้ป่วยโคม่า แต่ก็หายจากความเจ็บป่วยนั้นได้เช่นกัน

ในขณะที่สถิติจากคนทั่วโลกพบว่าการถูกงูพิษกัดนั้นคร่าชีวิตผู้คนไปราว 200 รายต่อวัน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา และหากไม่เสียชีวิต พิษของงูเหล่านี้ก็ทำให้มีผู้พิการมากถึง 400,000 รายต่อปี หรือคิดเป็นราว ๆ 1,000 คนต่อวันเลยทีเดียว

หลังจากทดลองคนเดียวมาอย่างยาวนาน ในปี 2017 ‘เจค็อป แกลนวิลล์ (Jacob Glanville)’ นักภูมิคุ้มกันวิทยาและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ‘Centivax’ ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเขา และก็มองเห็นความพิเศษของทิมที่น่าจะช่วยทำให้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำงานได้มากขึ้น เขาจึงเขาเริ่มติดต่อกับทิมเพื่อขอทำการวิจัยเพื่อสร้างยาต้านพิษงูชนิดสากล เจค็อปเล่าให้ BBC ฟังว่าครั้งแรกที่โทรไปมันฟังดูน่ากระอักกระอ่วนมาก เพราะเขาโทรไปเพื่อขอเลือดของทิมมาใช้ในการศึกษา แต่โชคดีที่เขาเห็นด้วยกับงานวิจัยในครั้งนี้

ทิมจึงได้ร่วมงานกับเจค็อปในฐานะผู้บริจาคเลือดตัวอย่าง 40 มิลลิลิตร เพื่อให้ทีมนักวิจัยนำไปศึกษาเกี่ยวกับงูพิษกว่า 19 สายพันธุ์ที่องค์กรอนามัยโลกระบุว่าเป็นงูที่อันตรายที่สุดในโลก เพื่อใช้ทดลองกับแอนติบอดี ซึ่งทีมนักวิจัยถึงกับบอกว่าการป้องกันพิษงูของร่างกายทิมนั้นไร้เทียมทาน จากการที่ทิมฝึกระบบภูมิคุ้มกันของเขาให้ทนต่อพิษงูได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และน่าจะครอบคลุมเชื้อโรคหลายชนิดที่ยังไม่มียาแก้พิษในปัจจุบัน

ทิม (คนตรงกลางภาพ) และเหล่านักวิจัยในการศึกษาครั้งนี้ – ภาพจาก Centivax ผ่าน AP

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 8 ปีที่ทีมนักวิจัยได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังและลึกซึ้ง จนได้ออกมาเป็นบทความออนไลน์บนวารสารวิทยาศาสตร์ ‘Cell’ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่อง Snake venom protection by a cocktail of varespladib and broadly neutralizing human antibodies (การป้องกันพิษงูด้วยค็อกเทลวาเรสพลาดิบและแอนติบอดีของมนุษย์ที่เป็นกลางอย่างกว้างขวาง) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่น่าจะทำให้ความหวังของโลกเกี่ยวกับเซรุ่มแก้พิษที่มีมาตรฐาน สามารถทนต่อพิษงูได้ทุกชนิดนั้นเกิดขึ้นได้จริง และงานวิจัยนี้ยังช่วยขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์แขนงนี้ให้ไปข้างหน้าได้อย่างน่าตื่นเต้น

“ผมรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำมันกำลังช่วยเหลือมนุษยชาติ ผมกำลังช่วยเหลือใครบางคนที่อาจจะกำลังอยู่ไกลไปอีก 8,000 ไมล์ จนมาถึงวันนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย ผมรู้สึกดีและภูมิใจกับมันมาก ๆ

แต่ถึงตอนนี้ผมก็เลิกทำสิ่งนี้ไปแล้วตั้งแต่ปี 2018 เพราะงานของผมมันเสร็จสิ้นแล้ว ผมต้องการพักผ่อนและถอยห่างจากมันหลังจากเอาพิษงูเข้าร่างกายมาอย่างยาวนาน ผมจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและลูก ๆ ให้มากขึ้น” ทิมทิ้งท้ายกับ CNN

ที่มา

AUTHOR

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป