“บุหรี่” หรือ “ยาสูบ” ถือเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาที่มนุษย์สร้างขึ้นและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เป็นพันๆ ปี พอๆ กับอารยธรรมของมนุษย์ และใบยาสูบของบุหรี่ หรือ Tobacco นั้น ครั้งหนึ่งพวกมันเคยถูกใช้ไปประกอบพิธีกรรมขั้นสูงเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงของมนุษย์และเทพเจ้า รักษา และเยียวยา ด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ ทั้งการเคี้ยว คั้นน้ำ หรือการนำมาตากแห้ง ก่อนจะถูกพัฒนาจนกลายเป็นใบยาสูบแห้งที่เราคุ้นตากันจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงศตวรรษที่ 17 บุหรี่ถือเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงที่ได้จากการล่าอาณานิคม มักถูกใช้ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของชนชั้นสูง พูดคุยถึงเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง และเป็นสินค้าเพื่อความรื่นเริงบันเทิงใจ ซึ่งถูกนำไปผูกโยงจนกลายเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นชายในยุคสมัยหนึ่ง การสูบบุหรี่จึงกลายเป็นค่านิยมที่แสดงถึงบทบาททางสังคม ความเป็นผู้นำ แข็งแกร่ง ห้าวหาญ และความเป็นอิสรภาพ ตามอุดมคติความเป็นชาย ที่จะสูบที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้
ในขณะเดียวกันนั้นเองที่ การสูบบุหรี่ถือเป็นนิสัยที่เสื่อมทรามและไม่เหมาะสมสำหรับผู้หญิง ในศตวรรษที่ 19 การสูบบุหรี่ของผู้หญิงถูกมองว่าผิดศีลธรรม เป็นสัญลักษณ์ของ “ผู้หญิงที่ตกสู่บาป” และ “โสเภณี” ในช่วงปี 1920 ได้มีการออกกฎหมายควบคุมอย่างเป็นทางการว่า ‘เจ้าของกิจการร้านอาหารและบาร์ต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ผู้หญิงสูบบุหรี่ในพื้นที่ของพวกเขานั้นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย’ ด้วยเหตุผลที่ว่า ทำให้นี่ไม่ใช่สิ่งที่ ‘เหมาะสม’ สำหรับผู้หญิง และด้วยกฎหมายตัวนี้เอง ทำให้มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยในอเมริกาถูกตำรวจควบคุมตัวเพียงเพราะพวกเธอแค่ “เป็นผู้หญิงและสูบบุหรี่”
ตลอดประวัติศาสตร์ เหล่าเฟมินิสต์ได้มีการต่อสู้เรียกร้องมากมาย เริ่มตั้งแต่สิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สิทธิในได้รับค่าจ้างที่เท่าเทียมกับผู้ชาย และสิทธิในการควบคุมร่างกายของตนเอง (ไม่ได้เป็นเพียงสมบัติของผู้ชาย) และนี่ถือเป็นอีกครั้งที่รัฐพยายามจะควบคุมพฤติกรรมของผู้หญิงด้วยเลนส์ของศีลธรรมที่มีผู้ชายเป็นผู้กำหนด การกระทำนี้ก่อให้เกิดประกายไฟเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่มี ‘บุหรี่’ เป็นเปลวไฟแห่งอิสรภาพ และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเหล่าเฟมินิสต์
เป็นที่รู้กันดีว่าการสูบบุหรี่นั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาด้านสุขภาพในหลายๆ ด้าน แต่หากมองให้ลึกลงไปถึงวิถีการเลือกปฏิบัติทางเพศนี้ จึงเกิดคำถามที่น่าคิดว่า ‘ผู้หญิงจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเหมาะสมกับพวกเธอเสมอหรือไม่?’
ทัศนคติเกี่ยวกับผู้หญิงที่สูบบุหรี่เริ่มเปลี่ยนไป โดยเริ่มจากสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914 – ค.ศ.1918) เมื่อผู้หญิงต้องออกมาทำหน้าที่แทนผู้ชาย ในขณะที่ผู้ชายอยู่ในภาวะสงคราม การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้หญิงได้สัมผัสกับรสชาติของอิสรภาพ ตัดผมสั้น สวมกางเกงขายาว และการสูบบุหรี่ ถือเป็นสิ่งจรรโลงใจสำหรับพวกเธอหลังเว้นว่างจากการทำงานหนัก
“คบเพลิงแห่งอิสรภาพ” เป็นวลีที่ใช้เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงสูบบุหรี่ในปี 1929 โดยเหล่าสตรีนิยมยุคแรก (First-wave Feminism) ให้เหตุผลว่าบุหรี่นั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยและความเท่าเทียม และเพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงสูบบุหรี่ในที่สาธารณะแม้จะมีข้อห้ามทางสังคมก็ตาม
ณ เวลานั้นบุหรี่เป็นหนทางหนึ่งสำหรับผู้หญิงที่ใช้ในการท้าทายบรรทัดฐานทางสังคม
และต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมเฉกเช่นเดียวกับผู้ชาย และที่สำคัญยังหมายถึง “ความเป็นอิสระ ความเย้ายวนใจและแฟชั่นของทั้งสตรีนิยมและเหล่าวัยรุ่น” เกิดเป็นขบวนพาเหรด ‘Torches of Freedom’ ใน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ.1929 ที่มีผู้หญิงมากมายเดินสูบบุหรี่ไปตามท้องถนนเพื่อประท้วงให้เกิดความเท่าเทียมนี้ และจุดประกายการอภิปรายเกี่ยวกับกฎหมายการสูบบุหรี่ของผู้หญิง
จากแรงบันดาลใจสู่เครื่องมือทางการตลาด แน่นอนว่าเบื้องหลังขบวน ‘Torches of Freedom’ เกิดจากการพยายามเพิ่มยอดขายบุหรี่ของบริษัท Lucky Strike ด้วยฝีมือนักโฆษณามือทองของยุคอย่าง ‘Edward Bernays’ ซึ่งถือเป็นการสร้างผลประโยชน์เข้าสู่บริษัท โดยในปี 1923 มีผู้หญิงซื้อบุหรี่เพียง 5% ของยอดขายทั้งหมด แต่ต่อมาในปี 1929 เปอร์เซ็นต์นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 12% และแตะจุดสูงสุดในปี 1965 ที่ 33.3% ทำให้เห็นถึงพัฒนาการของผู้หญิงที่กล้าจะทำลายกำแพงทางเพศที่ถูกสังคมกำหนดขึ้นมา
แม้ ‘คบเพลิงแห่งอิสรภาพ’ จะเป็นเพียงแค่แคมเปญทางการตลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมถึงเหล่าหญิงสาวที่กล้าจะแสดงตัวตนเพื่อจุดคบเพลิงแห่งอิสรภาพในวัน ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม ไม่ใช่เพียงสิทธิที่จะสูบบุหรี่เท่านั้น แต่ที่สำคัญยังเป็นการตั้งคำถามว่า ‘พวกเธอจำเป็นต้องเลือกในสิ่งที่ผู้อื่นบอกว่าเหมาะสมกับเธอหรือไม่’ และ ‘ใครเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานความเหมาะสมนั้นให้แก่พวกเธอ’
อ้างอิง
- https://www.washingtonpost.com/outlook/2018/10/03/when-smoking-was-feminist-act/
- https://www.culturalcurrents.institute/post/edward-bernays#thenbspgreennbspball