อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

“คำว่าทรยศ มันไม่ฟังดูเจ็บไปเหรอพี่”
“ผมไม่ได้ทรยศใครหรอก แต่เพลงของผมมันทรยศคนฟังมาโดยตลอดก็แค่นั้น”

กล่าวด้วยความสัตย์จริง ก่อนหน้านี้ผู้เขียนไม่ได้รู้จัก ‘อู๋ – ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์’ ไปมากกว่าอดีตนักร้องนำจากวง The Yers ไม่ได้ติดตามผลงานของเขามาตั้งแต่อัลบั้มแรก ฟังเพลงของเขาบ้างประปราย ดังนั้นผู้เขียนจะไม่เสแสร้งแกล้งทำเป็นรู้จักเขามาก่อน บทสนทนาในครั้งนี้มันจึงเต็มไปด้วย ‘ความไม่รู้’ ซึ่งตัวผู้เขียนเองเพิ่งตระหนักได้ว่า การที่เรารู้น้อยมันเป็นโอกาสที่ดีและเหมาะสม ในการทำความรู้จักกับตัวตนของเขาในตอนนี้ เพราะเราไม่ได้คุยกับเขาในฐานะ ‘อู๋ The Yers’ แต่สนทนากันในนาม TORRAYOT

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

ผู้เขียนไม่ได้รู้จัก อู๋ – ยศทร ไปมากกว่าใครคนอื่นดังที่กล่าวไป ทว่าด้วยความปั่นป่วนของอัลกอริทึมในสตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม นำพาให้มีโอกาสได้ฟังเพลง The Hellfire Voices ซึ่งฟาดฟันด้วยริฟฟ์กีตาร์อันดุดัน และเนื้อหาที่หน่วงหนัก เมื่อมองลงไปยังรายชื่อเจ้าของเพลง ก็ปรากฏเป็นใบหน้าของ อู๋ – ยศทร พร้อม ๆ กับชื่อ TORRAYOT นั่นแหละตอนที่ผู้เขียนได้รู้จักเขาอย่างจริงจัง  

TORAYOT เป็นโซโล่โปรเจกต์ของ อู๋ – ยศทร ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงปี 2017 – 2018 ไปพร้อม ๆ กับการทำวงดนตรี The Yers แต่ด้วยความที่อู๋ใช้ TORRAYOT เป็นพื้นที่ในการบำบัดและระบายอารมณ์ กลิ่นอาย เนื้อหา และดนตรีของ TORRAYOT จึงค่อนข้างหน่วงหนักและแตกต่างจาก The Yers อยู่พอสมควร นั่นจึงเป็นสาเหตุที่แนวเพลงของ TORRAYOT ค่อนข้างจำเพาะเจาะจงและเลือกสรรกลุ่มคนฟังด้วยตัวของมันเอง ไม่แยแส ไม่ยัดเยียด และไม่เสิร์ฟในสิ่งที่คุณต้องการ แต่นั่นแหละที่ทำให้ TORAYOT น่าสนใจ

ทรยศ ของ ยศทร

ตอนนั้นผมได้อุปกรณ์ดนตรีมาใหม่ ซึ่งทุกครั้งที่ผมได้อุปกรณ์ใหม่ ผมจะพยายามเค้นศักยภาพของมันออกมา เพื่อที่จะทำให้ได้เพลงในแบบที่ผมต้องการหรือสรรค์สร้างซาวด์ใหม่ ๆ ขึ้นมา ผมเริ่มจากการดรอปสายกีตาร์เล่น ๆ ระหว่างที่คิดอะไรไม่ออกก็ได้มาเพลงหนึ่ง ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้มแรกของ TORRAYOT ในตอนนั้นก็ค้นพบว่ามันมีซาวด์อีกแบบหนึ่งที่ผมอยากลองทำมาก มันมีบรรยากาศอีกแบบหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามันซีเรียสกว่าที่เคยทำมา มันดูน่าสนใจที่จะกระโจนลงไปทำดู เพราะส่วนหนึ่งผมมีความฝันที่อยากทำโซโล่โปรเจกต์ของตัวเองมานานแล้ว

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

ตั้งแต่แรกผมวางให้ TORRAYOT เป็นพื้นที่ที่สามารถระบายทุกอย่างออกมาได้แบบไม่กังวลและไม่แบกรับสิ่งใดเลย ผมอยากให้มันเป็นที่ที่สามารถปลดเปลื้องทุกสิ่งอย่างได้ โดยที่ไม่ต้องแยแสอะไรทั้งนั้น จนอาจกล่าวได้ว่ามันเปรียบเสมือนเครื่องบำบัดผมอย่างรุนแรง ที่สามารถล้วงเข้าไปถึงแก่นแกนของจิตใต้สำนึก ประกอบกับด้วยความที่เนื้อเพลงส่วนใหญ่มันเป็นภาษาอังกฤษ อิสรภาพทางภาษามันค่อนข้างไปได้ไกลมาก ผมสามารถพูดถึงความเชื่อ ศรัทธา ภูตผี วิญญาณอะไรพวกนี้ มันจึงกลายเป็นการปลดปล่อยตัวตนของผมอีกแบบหนึ่ง

ทำไมต้อง ทรยศ 

ชื่อจริงในภาษาไทยของผมคือ ‘ยศทร’ พอนำคำหน้ากับคำหลังมาสลับกัน มันจะอ่านว่า ‘ทรยศ’ ซึ่งแม่ของผมค่อนข้างกังวล เพราะชื่อมันดูมีความไม่เป็นมงคลปะปนอยู่ กระทั่งในช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผมต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม่ของผมยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก ด้วยความที่กลัวว่าผมจะสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย แม่จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ชื่อผมเป็นกาลกิณี แต่ด้วยความที่ผมไม่เชื่อในอะไรแบบนี้ ผมจึงยืนกรานที่จะใช้ชื่อเดิม และเรื่องที่ผมประทับใจมากที่สุดก็ดำเนินมาถึง ผมสอบติดมหาวิทยาลัยเป็นคนแรกของรุ่น ด้วยชื่อทรยศของผมนี่แหละ จากนั้นผมก็ใช้ชื่อ ทรยศ – ยศทร มาตลอด

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

“ผมน่ะชอบคำว่าทรยศมาก ผมไม่ได้ทรยศใครหรอก แต่เพลงของผมมันทรยศคนฟังมาโดยตลอด อยากได้เพลงแบบนี้ ผมเสิร์ฟอีกแบบหนึ่ง อยากฟังซาวด์แบบนี้ ผมเสิร์ฟอีกแบบหนึ่ง แม้กระทั่งโชว์บนเวที ถ้าอยากให้ผมพูดแบบนี้ ผมก็จะพูดอีกแบบหนึ่ง อยากจะให้ผมทำแบบนี้แสดงแบบนี้ ผมก็จะทำอีกอย่างหนึ่ง”

ทรยศคนฟัง หักหลังคนดู และเสิร์ฟพวกเขาด้วยความโศกเศร้ากับอัลบั้ม Feed you with mourn

อัลบั้ม Feed you with mourn มันเกิดจากความที่ผมอยากทำเพลงที่มันดิบเถื่อนมาก ๆ จุดเริ่มต้นของการทำเพลงก็คล้ายกับที่กล่าวไปข้างต้น ได้เครื่องดนตรีชิ้นใหม่ อยากทดลองทำซาวด์ใหม่ เพื่อให้เกิดเพลงใหม่ ผมได้กีตาร์ Gibson Les Paul มาตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นกีตาร์ทรงที่ผมไม่เคยคิดที่จะใช้มาก่อน พอได้กีตาร์ตัวนี้มาผมก็มีความคิดว่าอยากจะได้ซาวด์ที่มันเข้มและดุดันมากๆ อยากได้ริฟฟ์กีตาร์ที่มันไม่เคยเกิดขึ้นในอัลบั้มของผมมาก่อน ประกอบกับเนื้อหาที่มันมีความเป็นเอกลักษณ์ของ TORRAYOT ที่แฝงเร้นไปด้วยความเกลียดชังและการแก้แค้น มันจึงออกมาเป็นอัลบั้ม Feed you with mourn หรือที่แปลว่า เราจะเลี้ยงดูคุณด้วยความโศกเศร้า

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

คอนเซปต์หลักของอัลบั้มนี้คือ ผมทำเพลงให้กับคนที่เกลียดและไม่ชอบผม คนที่ด่าและไม่หวังดีกับผม ทว่าขณะเดียวกันก็มีเรื่องของความเชื่อเข้ามาเกี่ยวโยงด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะยัดเข้าไปในอัลบั้มนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะผมค่อนข้างแคร์ว่าผู้ฟังจะได้รับสาส์นที่เราสื่ออย่างถูกต้องหรือไม่ ทีนี้ภายในอัลบั้มมันจะมีความขัดแย้งกันเองอยู่ ระหว่างการล้างแค้นและความถูกต้อง ซึ่งถ้าอ่านเนื้อเพลงดี ๆ ก็จะพบว่าการล้างแค้นในแบบของผม มันเป็นการล้างแค้นตามหลักความเชื่อของตัวผมเอง พูดง่าย ๆ คือต่อให้จะโกรธ เกลียด หรือแค้นเคืองมากขนาดไหน แต่ผมจะไม่ชักจูงใครไปในทางที่ผิด แม้กระทั่งโทสะและการล้างแค้นคนฟังก็ต้องเป็นผู้ตีความความหมายนั้นเอง

The Hellfire Voices เสียงเพรียกจากนรกและการลงทัณฑ์

ในส่วนของเพลง The Hellfire Voices เริ่มจากการที่ผมอยากใส่จังหวะบลาสต์บีต (Blast Beat) ลงไปในเพลง ต้องเกริ่นก่อนว่าผมเป็นคนที่ฟังดนตรีเมทัล (Metal) มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ลงลึกกับมันเลย ก่อนหน้านี้ผมชอบแนวดนตรีที่มันเป็นนูเมทัล (Nu-Metal) ฟูเนรัลเมทัล (Funeral Metal) แล้วพอผมลงลึกกับมันไปเรื่อย ๆ ก็พบแนวดนตรีแบบดดาร์กเมทัล (Dark Metal) แทรชเมทัล (Trash Metal) และอีกหลายแนว ผมก็เริ่มจากการเขียนจังหวะกลองแบบบลาสต์บีต คิดริฟฟ์กีตาร์ แล้วก็ทำออกมาเป็นดนตรี จากนั้นก็ใส่ความเป็นโอลสกูลเมทัล (Old-School Metal) ลงไปเล็กน้อย ทีนี้กลับมาในส่วนของซาวด์ดีไซน์ (Sound Design) ขั้นตอนการทำท่อนพรีฮุคของเพลง พอผมเซตธีมขึ้นมาว่า อยากจะส่งเสียงของผู้คุมขุมนรกที่ลงทัณฑ์เหล่าคนบาป หรือที่เรียกว่า Hellfire Voice เสียงของเขาต้องไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นเสียงที่มาจากนรก คงต้องฟังดูสยองขวัญสั่นประสาทเสียหน่อย ซึ่งผมก็ใช้เวลาทดลองทำในส่วนนี้อยู่นานมาก กว่าจะออกมาเป็นซาวด์หลอนหูจากนรกที่ได้ยินในเพลง

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

MV เพลง Adult ที่ได้ไอเดียมาจากรายการวาไรตี้ของญี่ปุ่น

คือต้องบอกก่อนว่าผมไม่มีงบประมาณในการทำ MV สักเท่าไหร่ โปรเจกต์ TORAYOT เป็นโปรเจกต์ที่เข้าเนื้อผมมาก ถ้าพูดในเชิงของเม็ดเงินและกำไร TORRAYOT ไม่เคยให้อะไรกับผมเลยในเรื่องของเงิน ผมเอาเงินไปลงกับ MV ของเพลงก่อนหน้าเยอะมาก กลับมาที่เรื่องเพลง Adult คือผมไปประเทศญี่ปุ่นประมาณสองรอบในปีนี้ แล้วผมไปรอบละประมาณ 15 วัน รอบแรกไปเที่ยวรอบที่สองไปเล่นดนตรี มันก็เลยพอมีเวลาที่จะเก็บฟุตเทจที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคิดไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่าอยากจะเอามาทำเป็น MV เพลง Adult นี่แหละ แต่มันก็ไม่ได้มีธีมหรือเส้นเรื่องหลักในการเล่าอะไร ผมใช้ให้ภรรยาของผมนี่แหละเป็นคนถ่ายให้ 

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

ในระหว่างที่ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเนี่ย ผมเป็นคนที่ชอบเปิดทีวีในโรงแรมทิ้งไว้ ซึ่งรายการในทีวีของประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นรายการแนววาไรตี้โชว์ประมาณนี้ พอเช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาผมก็คิดขึ้นได้ว่า หรือจะใช้ฟุตเทจที่เก็บมาจากตอนที่ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นมาทำเป็นรายการวาไรตี้ เพราะพูดตามตรงมันให้ความรู้สึกที่กวนตีนดี แล้วผมก็เลยไปขอให้เพื่อนพี่น้องในวงการดนตรีที่ผมพอรู้จักทำรีแอ็กชั่นเหมือนคนในสตูดิโอให้หน่อย แล้วผมก็ถ่ายเก็บมารวม ๆ กันไว้ หลายคนก็พยายามถามผมว่าทำไปเพื่ออะไรครับพี่ แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้บอก จนกระทั่ง MV ออกพวกเขาถึงได้รู้ ซึ่งแม้กระทั่งในตอนนี้บางคนก็ยังไม่รู้เลย (หัวเราะ)

การทำเพลงที่เปรียบเสมือนการทดลองอะไรบางอย่าง

ผมว่าคนที่ทำเพลงโดยเฉพาะคนที่ทำอัลบั้มทุกอย่างมันคือการทดลองทั้งหมด มันคือการทดลองกับอุปกรณ์และประสบการณ์ที่เรามี ผมคิดว่าการทดลองเป็นเรื่องที่ศิลปินน่าจะสนุกกับมัน ถ้าเกิดว่าเราได้ทดลองทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อนในเพลง มันจะช่วยทำให้เพลงของเราพัฒนามากขึ้นไปเรื่อย ๆ การทำเพลงสำหรับผมมันเหมือนเป็นขั้นบันได ซึ่งมันคือหลักคิดในการทำเพลงของผมทุกวันนี้ สำหรับคนอื่นผมไม่รู้แต่สำหรับผมการที่เราได้ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ แล้วรู้สึกตื่นเต้นในการทำมัน มันอาจจะทำให้คนฟังรู้สึกตื่นเต้นไปกับเราด้วย

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์, อู๋ The Yers

หากจะถามว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีในวงการเพลง มีอะไรอยากจะฝากบอกกับคนรุ่นต่อไปบ้าง ผมก็จะพูดสิ่งเดิมที่เริ่มตกตะกอนได้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ว่า คอนเนคชั่น และ คนรู้จัก สำคัญมาก ถึงแม้ว่าสังคมเป็นสิ่งที่วุ่นวายในบางแง่มุม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้คนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นำพาเราไปพบเจอโอกาสใหม่ ๆ ทุกวันนี้งานของ TORRAYOT เองก็มีแต่คนที่รู้จักกันในแวดวงดนตรีที่คอยสนับสนุน บทเรียนของการเป็นอินโทรเวิร์ดคือ เวลาคุณออกมานับหนึ่งใหม่มันจะยากมาก เพราะเวลาที่ผ่านมาคุณไม่ได้ทำความรู้จักกับคนอื่นมากพอ เมื่อถึงตอนนี้ผลงานของคุณถูกปล่อยออก ก็มีโอกาสที่คนที่เขาได้เห็นหรือได้ยินผลงานของคนจะลดน้อยถอยลงไปด้วย ดังนั้นคอนเนคชั่นค่อนข้างสำคัญมากครับ ถึงแม้ว่าย้อนเวลากลับไปผมก็จะทำแบบเดิมก็เถอะ

ไม่ใช่แค่เพลงที่ ‘ทรยศ’ แม้แต่โชว์บนเวทีก็ยัง ‘ทรยศ’ 

หลังจากที่พูดคุยกับ TORRRAYOT จบลงไป ผู้เขียนบันทึกเสียงของอู๋เอาไว้ในไดรฟ์ เพื่อรอวันเอาออกมาปัดฝุ่นแล้วเขียนถึง ทว่าโหลดองงานยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผู้เขียนก็อดรนทนไม่ได้ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของ TORRAYOT สาเหตุมาจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนมีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตที่งานเทศกาลดนตรีเมทัลอย่าง Rock Alarm 2024 ในตอนนั้นไฟทั้งฮอลล์ปิดลง ทุกอย่างมืดสนิท ชายผมยาวในเสื้อสีดำเดินถือกีตาร์ขึ้นมา พร้อมกับมือเบสและมือกลอง จอด้านหลังสะท้อนตัวอักษรชื่อวง TORRAYOT จากนั้นทั้งหมดก็บรรเลงเพลงอย่างดุดัน ไร้ซึ่งบทสนทนา ไร้การร้องเรียกหาความสนใจจากคนดู แต่ถึงกระนั้นผู้คนทั้งหมดก็ไม่อาจละสายตาจากพวกเขาได้เลย เหมือนต้องมนต์สะกดหรืออะไรสักอย่าง ในตอนนั้นเองที่บทสนทนาที่อู๋พูดถึงความขบถและทรยศเด้งขึ้นมาในหัว ดนตรีและการแสดงของเขามันไม่ใช่การที่เราเข้าไปนั่งสั่งอาหารจากเมนูที่ถูกเตรียมไว้แล้ว แต่มันเป็นเหมือนการกินโอมากาเซะที่เชฟเลือกเองว่าจะเสิร์ฟอะไรให้กับเรา ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและแปลกใหม่มาก ๆ