โซเฟีย เบอร์เซ็ต, Orange Is The New Black

หากใครเป็นสายชอบดูซีรีส์โดยเฉพาะซีรีส์สากลคงอาจจะเคยผ่านหูผ่านตากับซีรีส์เรื่อง ‘Orange Is The New Black’ ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวความวุ่นวายภายในคุกหญิงยาวนานกว่า 7 ซีซั่น สำหรับเรา Orange Is The New Black เป็นซีรีส์ที่มีหลากหลายประเด็นให้หยิบจับขึ้นมานั่งพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นมิติเรื่องการเมือง, มิติเรื่องทรอม่า, มิติเรื่องยาเสพติด และอีกหนึ่งมิติที่ภายใต้คุกหญิงแห่งนี้ทำเอาไว้ได้ค่อนข้างดีก็คือ ‘มิติเรื่องเพศ’

Orange Is The New Black เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องความหลากหลายทางเพศไว้ในหลาย ๆ ซีซั่น และภายใต้เรือนจำที่กำแพงสูงท่วมหัวนี้มีอีกหนึ่งตัวละครที่เป็น Transgender Woman หรือสาวข้ามเพศผิวสีที่ชื่อว่า โซเฟีย เบอร์เซ็ต’ ซึ่งคนที่รับบทในการแสดงก็คือ Laverne Cox ผู้หญิงข้ามเพศที่คอยขับเคลื่อนเรื่องความหลากหลายทางเพศในชีวิตจริงไปด้วยนั่นเอง 

ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า โซเฟีย เบอร์เซ็ต ติดคุกด้วยคดีขโมยบัตรเครดิต การเข้ามาอยู่ในคุกแห่งนี้หน้าที่หลัก ๆ ของเธอคือการเปิดร้านเสริมสวยและคอยแต่งเสริมเติมแต่งให้นักโทษหญิงรู้สึกสวยงามภายใต้คุกแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยความหดหู่ ซึ่งเมื่อซีรีส์พาเราเจาะตัวละครไปทำความรู้จักกับตัวละคร โซเฟีย เบอร์เซ็ต ถึงแบลคกาวน์ชีวิตถึงได้รู้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะมาเป็นผู้หญิงข้ามเพศเขาก็เคยมีมิติของความเป็นพ่อคนมาก่อน

ก่อนจะติดคุก โซเฟีย เบอร์เซ็ต เป็นผู้ชายที่มีภรรยาและมีลูกชายหนึ่งคน ความน่ารักของซีรีส์เรื่องนี้คือ การเล่ามิติภรรยาที่มารู้ความต้องการของสามีหลังจากที่มีครอบครัวกันไปแล้วว่าเขาอยากเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าสิ่งที่ตามกันมาในฐานะภรรยาคือ ‘ความเสียใจ’ แต่สิ่งที่ทำให้ภรรยาของโซเฟีย เบอร์เซ็ต สะท้อนออกมาไม่ใช่ความเกลียดชังแต่เป็นการทำความเข้าใจในฐานะของคนรักที่เคารพกับการตัดสินใจของคนรัก ฉากหนึ่งที่น่าประทับใจคือการที่ภรรยาของโซเฟียช่วยเธอแต่งตัวให้เป๊ะทุกระเบียบนิ้วราวกับเป็นเพื่อนสาว สะท้อนให้เห็นว่าเธอเป็นภรรยาที่ดีและสามารถสร้าง Healthy Relationship ให้กับคนที่เธอรักได้เป็นอย่างดี

ฉากหนึ่งที่มีความน่าสนใจของการเล่ามิติการเป็นพ่อคนกับการเป็นผู้หญิงข้ามเพศไว้ก็คือ ในช่วงวันแม่ตัว โซเฟีย เบอร์เซ็ตเองนั่งรอลูกชายที่ชื่อว่า ‘ไมเคิล’ มาพบเธอภายในคุก เพราะเธอเองก็เปรียบเสมือนแม่คนที่ 2 ของไมเคิล แต่แน่นอนว่าด้วยความเป็นเด็กทำให้ไมเคิลยังไม่เข้าใจและรู้สึกแย่ที่เห็นพ่อตัวเองต้องกลายมาเป็นแม่ บวกกับช่วงเวลาเหล่านั้นแม่ของไมเคิลกับเดทกับผู้ชายอีกคนทำให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามาทำหน้าที่เป็นพ่อกลาย ๆ ของไมเคิลในช่วงนั้น ดังนั้นในบทพูดช่วงนั้นสิ่งที่โซเฟีย เบอร์เซ็ตทำก็คือการสอนให้ลูกชายของเขาโกนหนวดเพราะลูกของเขาเริ่มโตเป็นหนุ่ม และสอนวิธีจีบสาวให้กับลูกชายของเขา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเขาสามารถให้คำปรึกษาดี ๆ กับลูกได้ในฐานะพ่อคน ไม่ว่าจะอยู่ในร่างผู้หญิงหรือร่างใด ๆ แต่บทบาทความเป็นพ่อยังคงอยู่เช่นเดิม และในปัจจุบันไม่ได้จำกัดว่าคำว่า ‘ครอบครัว’ จะจำกัดไว้เพียงพ่อกับแม่เท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อกับพ่อ, แม่กับแม่ สังคมในปัจจุบันก็เปิดกว้างมากพอโดยที่ไม่มีมิติเรื่องเพศมาครอบบทบาทเหล่านี้อีกต่อไป แต่การมอบความรักให้กับเด็กหนึ่งคนมากกว่าที่กลายมาเป็นประเด็นที่คนให้ความสำคัญกันมากกว่าซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่น่าประทับใจ

นอกจากนี้ Laverne Cox ในฐานะคนสวมบทบาท โซเฟีย เบอร์เซ็ต เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรับบทบาทนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่าโซเฟียเป็นตัวละครที่ซับซ้อนมากเพราะในบทต้องเป็นผู้หญิงข้ามเพศบวกกับการเป็นผู้หญิงบวกเพิ่มไปอีกกับการเป็นผิวสี และตัวเธอเองได้นำประสบการณ์ส่วนตัวบางส่วนถ่ายทอดผ่านบทบาทนี้ด้วย นอกจากนี้เธอยังกล่าวอีกว่า เมื่อคนเขียนบทเกี่ยวกับผู้หญิงข้ามเพศมักจะเขียนให้เกี่ยวข้องกับงานบริการทางเพศ และที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนข้ามเพศถูกมองว่าทำงานเช่นนั้นเป็นหลัก และเธอได้พูดถึงประเด็นการว่างงานของผู้หญิงข้ามเพศที่มีอัตราสูงลิ่วและถ้าหากยิ่งคุณเป็นผู้หญิงข้ามเพศผิวสีอัตราว่างงานก็จะสูงเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นผู้หญิงข้ามเพศจำนวนมากก็ไม่ได้มีอาชีพแค่งานบริการทางเพศเท่านั้น พวกเขาทำได้หลากหลายอาชีพ 

อย่างไรก็ดี ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Laverne Cox เป็นผู้หญิงข้ามเพศที่คอยขับเคลื่อนความหลากหลายทางเพศในชีวิตจริง และอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของความเติบโตและความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศก็คือ การที่เธอจับมือร่วมกับบริษัทดังอย่าง ‘Mattel’ เพื่อทำตุ๊กตาบาร์บี้เว่อร์ชั่นผู้หญิงข้ามเพศโดยมี Laverne Cox เป็นต้นแบบ เพราะตอนเด็ก ๆ เธอถูกสั่งห้ามเล่นตุ๊กตาบาร์บี้เพียงเพราะเป็นเด็กผู้ชาย และการมีตุ๊กตาผู้หญิงข้ามเพศก็เป็นการตอกย้ำให้กับคนที่มีความหลากหลายทางเพศว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถเล่นบาร์บี้ได้เช่นกัน

อ้างอิง