สืบเนื่องจากคอนเทนต์ ‘ขึ้นรถผิดสาย’ ที่กำลังเป็นไวรัลในแอปพลิเคชัน TikTok ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนเสียงแตกออกเป็นสองฝั่ง บางคนเห็นด้วย บางคนคิดว่าไม่เหมาะสม โดยคอนเทนต์ดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ออกมาในลักษณะของการโพสต์ภาพตนเองพร้อมกับแคปชันในทำนองว่า ความสัมพันธ์ที่จบลงไปแล้วในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เปรียบเหมือนกับการขึ้นรถผิดสาย ซึ่งอาจอนุมานได้ว่า ‘รถ’ ที่ใช้โดยสารในครั้งนั้น ๆ คืออดีตคนรักที่เคยจบความสัมพันธ์กันลงไปแล้ว ส่วนการขึ้นรถผิดสาย เปรียบเสมือนการที่เราไปไม่ถึงเป้าหมายในความสัมพันธ์นั้น ๆ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ที่แชร์คอนเทนต์นี้มักเป็นผู้หญิง ที่ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ของตนเองว่า ในอายุเท่านี้ ผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน ผิดหวังกับความรักมาแล้วกี่ครั้ง
กลุ่มผู้ใช้บางส่วนมองว่าคอนเทนต์นี้ไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ปัจจุบันของตัวผู้โพสต์ เนื่องจากการเปิดอกว่าตนเคยไม่ประสบความสำเร็จในความรักมาแล้วกี่ครั้ง ไม่ใช่การบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัว แต่เป็นการ ‘ประจาน’ ตนเองมากกว่า และส่งผลเสียต่อคนใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิต หรือแม้กระทั่งคนรักในช่วงเวลาปัจจุบัน ขณะที่ผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งมองว่าการบอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละบุคคล ในแต่ละช่วงชีวิตของแต่ละคนล้วนเคยเจอทั้งความรักที่ผิดหวังและสมหวังกันมาทั้งนั้น การบอกเล่าในครั้งนี้เป็นเพียงการแชร์ประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึงกระทำได้ คำถามคือ ทำไมคอนเทนต์ขึ้นรถผิดสาย ถึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการประจานผู้หญิงมากกว่าเปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัว
มายาคติทางสังคม
ถึงแม้ในช่วงนี้ทัศนคติในเชิงดูถูกเพศหญิงจะลดน้อยถอยลงแล้วจากองค์ความรู้และความเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมสังคม แต่ถึงกระนั้นชุดความเชื่อดั้งเดิมบางอย่างที่อาจกล่าวได้ว่ามันค่อนข้างเป็นไปในเชิงนามธรรมมากกว่ารูปธรรม อาทิ ผู้หญิงที่ดีต้องดูเรียบร้อย ผู้หญิงที่ดีต้องรักนวลสงวนตัว ผู้หญิงที่ดีต้องไม่ผ่านผู้ชายมาเยอะ ชุดความคิดเกี่ยวกับมาตรวัดความเป็น ‘ผู้หญิง’ เหล่านี้ยังคงมีให้เห็นกันบ้างปะปราย ถึงแม้มันจะไม่มากเท่าสมัยก่อน แต่เชื่อว่ามันยังคงฝังอยู่ในปมความคิดหรือจิตใจในเบื้องลึกกันอยู่บ้าง เนื่องจากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10-20 ปีที่แล้ว สังคมส่วนใหญ่ยังคงถูกสอนให้มองผู้หญิงในแบบที่สังคมยุคเก่าอยากให้เป็น เมื่อคนส่วนใหญ่เติบโตมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จึงเป็นไปได้ว่าคติทางสังคมบางอย่างยังคงฝังรากลึกอยู่ จนกลายเป็นมายาคติบาง ๆ ที่ฉาบคลุมสังคมส่วนใหญ่เอาไว้ แค่รอวันให้มีอะไรมาสะกิดให้มันแผลงกฤทธิ์ออกมาเท่านั้น
พอสังคมมีชุดความคิดหรือชุดความเชื่อบางอย่างที่เชื่อมโยงกับมาตรวัดทางสังคมเก่าก่อน โดยเฉพาะกรอบหรือบรรทัดฐานที่เปรียบเสมือนไม้บรรทัดวัดเพศหญิง เมื่อเกิดคอนเทนต์ในทำนองนี้ออกมา สังคมก็จะหยิบไม้บรรทัดขึ้นมาวัดทันทีว่า ผู้หญิงคนไหนมีคุณค่ามากกว่าผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงที่ดีตามขนบทางสังคมต้องเป็นอย่างไร การกระทำแบบใดถึงส่อแววว่าผู้หญิงชั่วช้า ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วในหนึ่งชีวิตเราต่างพบพานความรักที่ทั้งดีและไม่ดีกันมาทั้งนั้น การล้มเหลวต่อความรักและความสัมพันธ์มากี่ครั้ง ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าคุณค่าของคน ๆ นั้นจะเป็นอย่างไร ทำไมการเปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวจึงถูกมองว่าเป็นการขายวิญญาณให้กับโซเชียลมีเดีย ทั้งที่ความผิดหวัง หรือการผ่านความรักมาหลายครั้งเป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะช่วงชีวิตของผู้คนสมัยนี้
ในบางประเด็นถูกโต้แย้งว่า การพูดถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ ที่ผ่านมา คือการไม่ให้เกียรติคนรักปัจจุบันของตนเอง หรือคนใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามาสานสัมพันธ์ ในประเด็นนี้ค่อนข้างเป็นปัจเจกของแต่ละบุคคลมาก บางคนรับได้ เห็นด้วย บางคนกระอักกระอ่วนใจ บางคนรังเกียจ ทว่าจากการไล่ดูคอนเทนต์ของแต่ละคนที่มีคู่ครองอยู่แล้ว การนำเสนอมันจะเป็นไปในทิศทางที่ชื่นชมคนรักในปัจจุบันของตนเองมากกว่า ในทำนองว่าที่ผ่านมาผิดหวังมาแล้วหลายครั้ง จนมาได้เจอคนรักในปัจจุบันที่ทำให้ความรักของพวกเขาดีขึ้น หรือในกรณีของคนที่เป็นโสดแล้วโพสต์คอนเทนต์ในทำนองนี้ ก็จะมีหลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเชิงให้กำลังใจว่า ขอให้เจอคนที่รักจริงและไม่ผิดหวังกับความรักอีก แน่นอนว่ามีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยปะปนกันไป ซึ่งไม่การันตีความคิดเห็นของใครเป็นสิ่งที่ถูก เพราะมันขึ้นอยู่กับความคิดส่วนบุคคลที่มีต่อสิ่ง ๆ หนึ่งที่ไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องออกตัวก่อนว่าผู้เขียนไม่เคยเล่นคอนเทนต์ขึ้นรถผิดสาย หรือแม้กระทั่งโพสต์คอนเทนต์ TikTok ตามเทรนด์มาก่อน เพียงแต่เล็งเห็นว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบในอะไร แต่อย่าคาดหวัง ตีกรอบ หรือบอกว่าคุณค่าในตัวของใครคนใดถูกลดทอนจากประสบการณ์ทางความรักที่ผิดพลาด เพราะเราต่างเคยผิดหวังกับความรักมาไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่งกันทั้งนั้น แค่ใครเลือกที่จะบอกหรือไม่ ซึ่งนั่นมันเป็นสิทธิ์ของเขา