‘Traffy Fondue’ คือ แพลตฟอร์มที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับแก้ไขปัญหาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ถ้าหากยังพอจำกันได้หนึ่งคนที่หยิบแพลตฟอร์มนี้มาใช่ประโยชน์กับเมืองก็คือ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ด้วยการนำแพลตฟอร์ม ‘Traffy Fondue’ เข้ามาเพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาเส้นเลือดฝอยในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น ไฟไม่สว่าง, ฝาท่อพัง, หรือทางเท้ามีปัญหา และผู้ที่อยู่เบื้องหลังของแพลตฟอร์มนี้ก็คือคือ ‘ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม’ นักวิจัยที่มีความเชื่อว่า ถ้าอยากพัฒนาเมืองต้องแก้ตั้งแต่ที่รากของปัญหา
โดยก่อนหน้าจะมาเป็น ‘Traffy Fondue’ ได้มีแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้าก็คือแอปพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า ‘ป่าตองรีพอร์ต’ ถูกออกแบบมาให้ใช้ในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวสูง ทำให้ขยะมีจำนวนมหาศาล ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ‘ขยะล้นเมือง’ การนำ ‘ป่าตองรีพอร์ต’ เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ก็เพื่อช่วยชี้จุดว่าพื้นที่ส่วนไหนยังคงมี ‘ขยะ’ หลงเหลืออยู่บ้าง
ต่อมาจึงได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Traffy Fondue’ และถูกนำไปใช้กับหลาย ๆ จังหวัด ซึ่ง ‘Traffy Fondue’ เป็นคำพ้องเสียงที่ออกได้อีกเสียงว่า ‘ท่านพี่ฟ้องดู’ ซึ่งก็มีความหมายตรง ๆ ตัวที่ว่า ไม่ว่าคุณจะเจอปัญหาอะไรมา ก็ลองฟ้องดู แล้วเดี๋ยวเราจะส่งเรื่องเพื่อช่วยให้ปัญหาเข้าสู่กระบวนการแก้ไขต่อไป โดยในช่วงเวลาประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ทางกรุงเทพฯ รับเรื่องร้องเรียนมาแล้วกว่า 550,000 เรื่อง และแก้ไขไปแล้วเสร็จกว่า 400,000 เรื่อง โดยวันนี้เรามีโอกาสได้มานั่งพูดคุยกับผู้พัฒนา ‘Traffy Fondue’ หรือ ‘ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม’ ถึงที่มาที่ไปของแพลตฟอร์มนี้และความหลงไหลที่จะสรรหาวิธีมาเพื่อพัฒนาเมืองว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไรบ้าง
‘ดร. วสันต์ ภัทรอธิคม’ กับจุดเริ่มต้นของอาชีพ ‘นักวิจัย’
ตอนเด็ก ๆ น่าจะเป็นเด็กเรียนนะครับ เพราะว่าคุณแม่เป็นครูจะเข้มงวดเรื่องเรียน สมัยก่อนก็ต้องทำเกรดให้อยู่ระหว่าง 3.50 ถึง 3.80 แล้วแต่ปี และวิชาที่ชอบก็คือวิชาภาษาอังกฤษเพราะเป็นวิชาที่เราทำได้ดีในตอนนั้น อาจจะเพราะมีญาติไปใช้ชีวิตในต่างประเทศก็มีโอกาสได้ไปอยู่กับเขาบ้าง ญาติ ๆ เราที่เป็นลูกพี่ลูกน้องเป็นฝรั่ง และพอเราได้ยินฝรั่งคุยกันก็รู้สึกว่ามันคุ้นเคย ส่วนวิชาที่ไม่ชอบคือพวกประวัติศาสตร์ มันต้องจำ และผมจำไม่ค่อยได้ เป็นคนไม่ชอบท่องจำ พอช่วงมหาลัยก็มาเรียนวิศวะ โดยใช้ภาษาอังกฤษเพราะได้คะแนนเยอะสุดในตอนนั้น
ส่วนจุดเริ่มต้นของการเป็นนักวิจัยมันก็เหมือนเป็นดวงเหมือนกันนะ ตอนนั้นผมมีคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้ ผมก็พบว่าเราสามารถใช้ PC คอมพิวเตอร์ต่ออินเทอร์เน็ตได้เหมือนกัน แต่ผมต้องดาวน์โหลดมาลง Linux ซึ่งเมื่อก่อนต้องดาวน์โหลดแผ่นดิสก์เล็ก ๆ 70 แผ่น ผมก็ดาวน์โหลดอยู่ 3 เดือนบนอินเทอร์เน็ต 9.6 kbps คือมันช้ามาก ๆ อดทนรอ 3 เดือนมาไม่ครบบ้าง อะไรบ้าง แต่พบว่าตัวที่เราดาวน์โหลดอยู่ที่ Nextech ต้องมาดาวน์โหลดที่ Nextech แต่มันไม่สำเร็จ เพราะ Network มันช้า เลยต้องมา Copy จาก Nextech ไป พอมา Copy ก็พบว่าเขารับนักศึกษาฝึกงานก็เลยได้มาฝึกงานที่ Nextech ตอนนั้นก็ฝึกในห้องปฏิบัติการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เขาก็ฝึก และก็เป็นความภาคภูมิใจนะที่ผมทำหน้าเว็บของ Nextech อันแรกได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเราเป็นเด็กฝึกงานนะ

Traffy Fondue กับการแก้ปัญหาเรื่องภายในเมือง
จุดเริ่มต้นของการคิดค้นแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพราะตอนนั้นเราอยากที่จะให้ประชาชนมีเครื่องมือแจ้งปัญหาเมือง ณ ครั้งแรกเลยคือแจ้งปัญหาขยะเกลื่อนกับขยะนอกถัง คือเวลาคนไปเก็บขยะใช่ไหมครับ พอถึงรอบแล้วเขาก็ไปเก็บ แต่มันมีกรณีที่คนเอาขยะไปทิ้งอีก และขยะก็เต็มไปหมด หรือมีสุนัขมาคุ้ยเขี่ยมันก็เลยเละเทะและไม่สวยงาม ก็เลยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาเก็บ ทีนี้วิธีการก็คือต้องใช้โทรศัพท์โทรหาเจ้าหน้าที่แต่บางครั้งก็ติดขัดในเวลาราชการ ก็เลยลองเอาระบบที่เขาเรียกว่า Crowd Sourcing เป็น Crowd ที่จะมีคนเป็นคนช่วยกันให้ข้อมูลมาใช้ และก็เกิดการทำแอปขึ้นมาเพื่อแจ้งปัญหาขยะเกลื่อน ปัญหาขยะนอกถัง โดยจะมีคนเป็นผู้ให้ข้อมูล ในตอนนั้นแอปชื่อว่า ‘ป่าตองรีพอร์ต’
ที่มาของป่าตองรีพอร์ตเพราะตอนนั้นเรื่องมันเกิดในจังหวัดภูเก็ตและเราได้รับทุนมาทำ Smart City ที่จังหวัดภูเก็ต แต่ก็ทำหลายโครงการนะครับ มีโครงการเซ็นเซอร์จราจร, วัดน้ำ, วัดดิน, วัดฝน และเรื่องรถขยะเรื่องข้อมูลเมืองมันก็เป็นอีกหนึ่งโครงการเล็ก ๆ ซึ่งตอนนั้นผมว่าผลตอบรับดีมากนะ ตอนแรกเราไปที่เทศบาลป่าตองอย่างเดียวและเขตเทศบาลนครก็สนใจใช้ เราก็ติดตั้งเซ็นเซอร์ให้รถขยะไป 40 กว่าคัน เซ็นเซอร์ก็จะรู้ว่ามีจุดเก็บขยะมีกี่พันจุด มันก็มีการใช้งานในช่วงเวลาที่เราได้รับทุนประมาณ 2 – 3 ปี
ต่อมาเราอยากขยายผลไปทั่วประเทศไม่ใช่แค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเพราะในทางไอทีคือมันจะใช้ที่ภูเก็ต หรือจะใช้ที่ระนอง หรือใช้ที่กรุงเทพฯ คอมพิวเตอร์มันไม่รู้และไม่ได้สนใจว่าจะใช้ที่ไหน เราก็เลยใช้มันให้ได้ทั่วประเทศ ทีนี้ถ้าใช้ชื่อป่าตองรีพอร์ตทั่วประเทศมันลำบากก็เลยหาชื่อที่มันทั่ว ๆ ไปหน่อย ก็เลยให้ทีมเสนอชื่อกันมา สุดท้ายชื่อที่เราชอบมากที่สุดเลยก็คือ ‘ฟ้องดู’ ก็คือตามคอนเซปต์ใช่ไหมครับว่า ถ้าคุณเจอปัญหาอะไรมาคุณก็ลองฟ้องดู ทีนี้คอนเซปต์ถูกใจแล้ว แต่มีคนทักว่า เรากำลังจะเอาไปให้เทศบาล ข้าราชการ นักการเมืองใช้ แต่ตัวพวกเขากำลังจะถูกฟ้องมันดูแง่ลบสำหรับพวกเขา มันก็จะขายยากนะ ก็เลยใช้คำพ้องเสียงอย่าง ‘Fondue’ และก็กลายมาเป็น Traffy Fondue หรือท่านพี่ฟ้องดู
Traffy Fondu กับการแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยในกรุงเทพฯ
ตอนที่ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติเป็นผู้สมัคร ท่านก็หาข้อมูลและมีในใจว่าอยากได้แพลตฟอร์มที่ช่วยท่านทำเรื่องเก็บข้อมูลหรือช่วยท่านในงานเส้นเลือดฝอยกรุงเทพฯ ท่านให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะว่าเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่อยู่ใกล้ประชาชนมากและประชาชนทุกข์ทรมาน เพราะว่ามันมีเยอะ ทีนี้พอปัญหามันมีเยอะมาก ๆ ถ้าใช้โทรศัพท์หรือจดหมาย การบริหารจัดการลำบากแน่ ๆ ท่านก็ต้องการเครื่องมือ ส่วนเราเองก็มีเครื่องมืออยู่และเราลองใช้ที่อื่นมาแล้ว เช่น อุบลฯ, กาฬสินธ์ุ เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือเราก็พิสูจน์มาแล้วระดับหนึ่งแต่ก็ยังใช้ไม่มากพอ พอมาเจอกันก็เลยลองเริ่มใช้ดูตั้งแต่วันที่ท่านเป็นผู้สมัครหรือตอนที่ท่านเริ่มหาเสียงนั่นเอง ซึ่งช่วงทดลองมีคนแจ้งเรื่องเข้ามากว่า 1,300 เรื่องครับ
ส่วนหลังบ้านของทีม Traffy Fondue ต้องบอกว่ามีไม่เยอะครับ เพราะเรามองตัวเองเป็นเหมือนเฟซบุ๊ก เป็นเหมือนแอปสั่งอาหาร แอปซื้อของ เราไม่ได้เป็นคนขายของเอง เราไม่ได้เป็นคนลงไปซ่อมเอง เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราคือการทำระบบให้ประชาชนใช้งานง่าย เจ้าหน้าที่ใช้งานง่าย และผู้บริหารมองเห็นว่า เขตไหนดี เขตไหนไม่ดี รับเรื่องหรือยังไม่ได้รับ กระบวนการตอนนี้ถึงไหนแล้ว เราทำแพลตฟอร์มขึ้นมา คนใช้คือผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ เรามีแค่เครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ไปไหนก็แจ้งเตือนได้ ประชุมอยู่ก็รู้ว่ามีงาน งานนี้เสร็จ งานนี้เข้า ผู้บริหารก็จะรู้ว่า โอเค เขตไหนดี เขตไหนไม่ดี เขตไหนทำเร็ว เขตไหนทำเยอะ ศักยภาพดีขึ้นเท่าไหร่ เรามีแค่แพลตฟอร์ม เพราะฉะนั้นงานของเราไม่ใช่การแก้ไขปัญหา อันนั้นเป็นความดีความชอบของผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน

เสียงตอบรับจากประชาชนกับการใช้ Traffy Fondu
ผลตอบรับถือว่าเกินความคาดหมายนะ ถ้าดูในแง่ตัวเลข กรุงเทพฯ รับเรื่องมาประมาณ 550,000 เรื่องและถ้าดูทั่วประเทศมีประมาณ 7 จุด 750,000 เรื่องนะ แค่ในกรุงเทพฯ ปาไป 55,000 เรื่องและตอนนี้เรามีผู้ว่าฯ ในต่างจังหวัดที่เห็นประโยชน์ของ Traffy Fondu อีกประมาณ 20 จังหวัดและก็มีคนรายงานมาอีก 200,000 กว่าเรื่อง ในตัวกรุงเทพฯ เองแก้ปัญหาเสร็จไป 400,000 เรื่องตีเป็นเปอร์เซนต์ประมาณ 78 เปอร์เซนต์ ประชาชนก็ประเมินให้ 5 ดาว เหมือนประเมินอาหารเลยครับ ถ้าอาหารส่งดี อาหารยังร้อนอยู่ พอใจก็ให้ 5 ดาว ไม่พอใจเหลือ 1 ดาว เราได้ 5 ดาวไป 90,000 กว่าเรื่อง ได้ 4 ดาวไป 40,000 กว่าเรื่อง ซึ่งถือว่าเยอะมากเพราะจากที่เสร็จสิ้น 400,000 แล้วคนประเมินเนี่ยไม่ถึงครึ่งครับ
กรุงเทพฯ ผังเมืองยุ่งเหยิงแก้ปัญหาจากรากด้วย Traffy Fondu ช่วยได้จริงหรือ?
Traffy Fondu มันเป็นตัวตั้งต้นให้เรารู้ว่าตรงไหนมันดี หรือไม่ดีแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น ฝาท่อไม่ดีเรารู้แล้วว่าจาก 2 เดือนเหลือระยะเวลาในการแก้ปัญหา 4 วัน หรือฟุตบาทไม่ดีจากใช้เวลาแก้ปัญหา 3 เดือน อาจจะเหลือ 3 วัน เราก็ได้รู้ว่าตรงไหนเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเราจะรู้ข้อมูลแล้วว่าฝาท่อแก้ไปครั้งหนึ่ง เดี๋ยวอีก 6 เดือนก็แตก เพราะออกแบบไม่ดี อาจจะปูนไม่ถึง หรือไม่ควรจะเป็นปูน หรือควรเป็นเหล็ก มันก็จะเป็นการแก้ปัญหาแบบ Long Term มากขึ้น แก้ปัญหาจาก Root Corse ของมันหรือแก้ตั้งแต่รากเลย

‘Traffy Fondu’ ในรัฐสภา
ถือเป็นความโชคดีและความท้าทายของเรานะ เราใช้ในเมืองมาในกรุงเทพฯ และก็ต่างจังหวัดอีก 20 จังหวัดใน อบต. และเทศบาลตอนนี้ใช้ 3,000 กว่าแห่ง 1 ใน 3 ของ อบต. และเทศบาลทั่วประเทศ และเราก็พบว่านอกจากใช้นอกอาคารแล้วในอาคารก็ใช้ได้ คือเราแจ้งซ่อมบนถนนได้ ก็แจ้งซ่อมในห้องน้ำได้ แจ้งซ่อมห้องประชุมได้ มีบางโรงพยาบาลเอาไปใช้แจ้งซ่อมระบบคอมพิวเตอร์, เมาส์เสีย, ปริ้นเตอร์เสีย เราก็เห็นเขาทำกันดี บางนิคมอุตสาหกรรมก็เอาไปแจ้งว่าตรงนู้นตรงนี้เสีย ทีนี้เรามาคิดต่อว่า รัฐสภาเป็นสถานที่ที่ดีมากเพราะเป็นอาคารที่รัฐสภาใหญ่ที่สุดในโลก เป็นอาคารสำนักงานรัฐที่ติดอันดับ 1 ใน 4 ของโลก ทีนี้มันใหญ่มาก เราก็ต้องทำให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นไปได้โดยง่าย การแจ้งนอกอาคารไม่ยากเพราะกดตำแหน่งปุ๊ปจะรู้เลยว่าอยู่ตรงไหน แต่ถ้าแจ้งในอาคารระบบ GPS มันไม่เอื้อ เราก็เลยบอกว่างั้นเราทำเพิ่มเป็นระบบ QR นะที่สามารถระบุตำแหน่งอาคารได้ด้วย เพราะฉะนั้นแจ้งในห้องน้ำชายชั้นสองก็จะรู้ในห้องน้ำชายชั้นสอง แจ้งในลิฟท์ตัวที่ 1 ประตูที่ 5 ก็จะรู้เลย ซึ่งอันนี้เรียกเค้าเป็น Indoor Position แบบง่ายที่ทําให้เหมาะสมกับการแจ้งซ่อมในอาคารสถานที่
อุปสรรคและความท้าทายในฐานะนักวิจัยและผู้พัฒนา Traffy Fondue
ความเครียดมีตลอดเวลาครับ อย่างช่วงก่อนที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติจะเอามาใช้ ข้อความที่เราต้องการ
ซึ่งตอนนั้นมี 3 คนที่เราต้องสื่อสาร อย่างประชาชนอยากใช้แน่ ๆ แต่เจ้าหน้าที่จะงง ๆ นิดหนึ่งว่าใช้แล้วเดือดร้อนไหม ผู้บริหารเมืองก็จะงง ๆ ว่าจะใช้ดีหรือไม่ใช่ดี ปัญหาของผมคือต้องสื่อสารให้ได้ในภาษาที่เป็นประโยชน์กับเขา เข้าใจง่าย ซึ่งความโชคดีที่สื่อสารให้ อ.ชัชชาติเข้าใจหนึ่งคน อ.ชัชชาติก็ช่วยกระจายไปในหลาย ๆ ที่อันนั้นเป็นความโชคดีเพราะหลังจากนั้นก้มีความต้องการมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแก่ก็ต้องเข้าใจเขาเยอะ ๆ อย่างเช่น ปีที่ผ่านมาตลอดปี เราก็มีการประเมินเขต ว่าเขตเก่งไม่เก่ง เขตไหนได้อันดับหนึ่งของเดือนมาทานข้าวกับผู้ว่าฯ มันก็ต้องมีเครื่องมือบางอย่างที่ทําให้เขาอยากมา ตอนนี้ในระบบผมก็ทําให้เขารู้สึกภูมิใจ เพราะเราเห็นว่าคนชมแสนกว่าคน 4 ดาว 5 ดาว แสนคน และคำชมที่มันมาจากคนผมว่ามันทัช มันประทับใจ เดี๋ยวผมเอาขึ้นมาให้ดูเลยว่าภาษาของคนที่เขาแจ้งปัญหา และปัญหาของเขาได้รับการแก้ไขเขาชมยังไง เขาชมมุมไหน เขาขอบคุณ บางคนเขาบอก ขอให้ถูกหวย ขอให้เจริญ
นอกจากนี้วิธีการจัดการกับอุปสรรคเวลาเจอคำพูดลบ ๆ ก็อาจจะต้องพยายามเข้าใจต้นตอของปัญหา เข้าใจเขา ก็เหมือน Emphaty นั่นแหละ ก็คือเข้าใจเขาว่าที่เขาพูดอย่างนี้ถ้าเป็นเราในฐานะเขา เราก็จะคิดแบบนี้ เราก็จะพูดแบบนี้ แล้วเราก็จะหาทางแก้ให้มันเป็นประโยชน์กับทั้งเขาและเราได้ ซึ่ง ก็ทําไม่ง่ายเท่าไหร่นะ แต่ก็ต้องฝึกทําเรื่อย ๆ
