ความตาย เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากจะพูดคุยกันเท่าไหร่นัก แต่อยู่ ๆ วันหนึ่งเกิดสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วถ้าเราจากโลกนี้ไปแล้ว การส่งต่อสินทรัพย์เราจะทำอย่างไร หากเป็นทรัพย์สินเงินทองและของที่จับต้องได้ โดยโลกเรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘พินัยกรรม’ มานานมากแล้ว แล้วถ้ามันเป็นข้อมูลทางดิจิทัลล่ะ เราจะส่งผ่านมันได้เหมือนสินทรัพย์หรือไม่ หรือเราจะต้องปล่อยมันไปกับเรา วันนี้เราจะมาเล่าให้ได้อ่านกัน
ข้อมูล = สินทรัพย์ใหม่บนโลกอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันเรามีการใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนใช้เครื่องมือบนอินเตอร์เน็ตในการหารายได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเป็น Youtuber ที่มีชื่อเสียง มีรายได้จากโฆษณาเข้ามา หรือมีการเก็บข้อมูลสำคัญ ๆ เช่น Wallet ID สำหรับเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล
หรืออาจจะเป็นทรัพย์สินในแง่ของความรู้สึก เช่น ตัวตนของเราบนโลกอินเตอร์เน็ต หากเราลองย้อนดู Status บน Social Media ของตัวเราเอง จะเห็นว่าภายในนั้นมีทั้งความเห็น ความสนใจ และความรู้สึกของเราอยู่เต็มไปหมด ซึ่ง ณ วันที่เราจากไปมันอาจจะเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้คนเป็นระลึกถึงเราได้ ทำให้สิ่งที่เราสร้างไว้ยังคงอยู่ต่อไป
แต่ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อวันที่เราจากไป เราจะทำอย่างไรกับข้อมูลพวกนี้ล่ะ เราคงไม่ได้จดรหัสผ่านสำหรับทุก ๆ Account ของเราไว้ เก็บใส่ตู้เซฟรอให้ทนายมาเปิดหลังเราจากไปแน่ ๆ คำถามคือ แล้วเราจะทำอย่างไร เพื่อให้คนที่ยังอยู่ สามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้
การมาถึงของ Digital Legacy
เพื่อให้ความต้องการในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลของเราเมื่อเวลาจากโลกนี้ไปสามารถเติมเต็มได้ จึงทำให้มีสิ่งที่เรียกว่า Digital Legacy หรือ พินัยกรรมดิจิทัลขึ้นมา เราอาจจะมองว่ามันดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่เชื่อหรือไม่ว่าปัจจุบันบนโลกเรามีองค์กรที่ชื่อว่า The Digital Legacy Association ที่ทำหน้าที่ส่งเสริมความตระหนักรู้ในเรื่องของ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และ พินัยกรรมดิจิทัล (Digital Legacy) ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วล่ะ
หรือแม้กระทั่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ยังมีกฏหมายที่ชื่อว่า Revised Uniform Fiduciary Access to Digital Assets Act (RUFADAA) ออกมาใช้ในหลาย ๆ รัฐในประเทศที่อนุญาติให้ตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งไว้สามารถเข้าถึงและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้ รวมไปถึงการปิด Social Media Account ด้วยเช่นกัน
เพื่อปฏิบัติตามกฏหมายนี้ จึงทำให้ผู้ให้บริการต่าง ๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะ Social Media จำเป็นต้องมีมาตรการในการจัดการขึ้นมา ส่วนใหญ่ที่ทำกันตอนนี้เน้นเป็นการปิดบัญชีผู้ใช้ (Deactivate Account) ไป โดยวิธีการคือ ให้คนที่ยังอยู่ส่งหลักฐานการเสียชีวิตไปหาผู้ให้บริการ แล้วเขาจะทำการปิดบัญชีนั้น ๆ และลบข้อมูลออกไป หรือเป็นการแปะสถานะในหน้า Profile ว่าบุคคลนั้นได้จากไปแล้ว
บางบริการ ก็อนุญาตให้เราสามารถตั้ง Legacy Contact เสมือนเป็นการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของเราแบบดิจิทัลเลย กล่าวคือ เมื่อเราจากไป เราจะอนุญาติให้บุคคลนั้น ๆ สามารถเข้าถึง Account ของเราได้ ตัวอย่างบริการที่สามารถจัดการในลักษณะนี้ได้คือ Apple
Apple ได้เพิ่มความสามารถในการทำ Legacy Contract มาตั้งแต่ iOS 15.2 โดยเราสามารถเพิ่ม Apple Account ของคนที่เราไว้ใจได้ โดยมันจะทำการสร้าง Access Key ขึ้นมา และเมื่อเราจากโลกนี้ไป คนที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อจะสามารถยื่น Key พร้อมกับเอกสารยืนยันการเสียชีวิตให้กับ Apple เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่อยู่ใน Apple Account ทั้งหมดได้
การทำ Digital Legacy เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้พินัยกรรม
ความสำคัญของการทำพินัยกรรมดิจิทัลนั้นไม่ต่างจากการทำพินัยกรรมสำหรับทรัพย์สินของเราเลย ข้อมูล ความคิด ภาพถ่ายต่าง ๆ ของเรามันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่ยังอยู่ก็ได้ ทำให้คนที่ิอยู่ต่อสามารถจัดการกับข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ดังนั้นสำหรับคนที่ยังอยู่ ณ วันนี้ การที่เรามีการตระหนักรู้ เห็นความสำคัญมันไม่แพ้กับพินัยกรรมสำหรับทรัพย์สินของเรา และจัดการมันก่อนที่เราจะจากไปจะดีมาก ๆ