เทศกาล Tomorrowland

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทำการต้อนรับและพูดคุยกับ Mr. Bruno Vanwelsenaers ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Mr. Filip Teelinck ผู้บริหารระดับสูงจาก “Tomorrowland” เทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางความเป็นไปได้ในการนำเทศกาลดนตรีดังกล่าวมาจัดในประเทศไทย โดยมีจุดมุ่งหมายคือการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล ผ่านอุตสาหกรรมดนตรี ภาพยนตร์ และศิลปะ ให้เกิดเป็นวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ขณะที่ทางด้าน ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เทศกาลดนตรี Tomorrowland ในประเทศไทยจะมีการจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2026 

วันนี้ SUM UP จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Tomorrowland ว่ามีที่มาจากไหน ยิ่งใหญ่อย่างไร ได้รับความนิยมมากขนาดไหนในต่างประเทศ และที่สำคัญไทยมีโอกาสประสบความสำเร็จจากอีเวนต์นี้หรือไม่

Tomorrowland คืออะไร

Tomorrowland คือ เทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ จัดขึ้นที่เมืองบูม ประเทศเบลเยียม เป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดงานหนึ่งของโลก จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2005 โดย ID&T บริษัทสื่อบันเทิงสัญชาติเนเธอร์แลนด์ และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 2006 จากนั้น Tomorrowland ก็ก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างเต็มตัว โดยมียอดขายตั๋วทะลุหลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ที่สำคัญส่วนใหญ่ Tomorrowland มักขายบัตรหมดภายในไม่กี่นาทีหลังวางจำหน่าย 

จุดเริ่มต้นเทศกาลดนตรี Tomorrowland

ในปี 2004 สองพี่น้องนามว่า Manu และ Michiel Beers ผู้ชื่นชอบในเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ มีความตั้งใจอยากจะจัดเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในเบลเยียม โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลดนตรี Mysteryland หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งในตอนนั้นบริษัท ID&T เป็นผู้จัด ทางสองพี่น้อง Manu และ Michiel ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการจัดคอนเสิร์ตจึงทำการติดต่อบริษัท ID&T เข้ามาเป็นผู้จัดงาน แน่นอนว่าบริษัท ID&T ตอบตกลงเข้ามาเป็นผู้ร่วมลงทุนและผู้จัดหลัก (co-founder and primary organizer) ตั้งแต่ปีแรกของการจัดงาน เนื่องจากคอนเสิร์ตแนว EDM ในตลาดเบลเยียมยังไม่มีคู่แข่ง 

ไทม์ไลน์การเติบโตของ Tomorrowland 

ปี 2005 : เทศกาล Tomorrowland จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2005 ที่เมืองบูม ประเทศเบลเยียม ในปีแรกนี้มีผู้เข้าชมประมาณ 10,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในท้องถิ่นที่ได้รับข่าวสารในละแวกนั้น 

ปี 2006 : หลังจากจัดงานในปีแรก Tomorrowland ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ทำให้ในปีต่อมา มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้น 15,000 คน 

ปี 2007 : Tomorrowland ขยายวันจัดงานเพิ่มขึ้น 2 วัน โดยมียอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 20,000 คน 

ปี 2008 – 2010 : Tomorrowland เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับนานาชาติ ส่งผลให้มีผู้คนจากทั้งในและนอกประเทศให้ความสนใจและเดินทางมาร่วมงานกว่า 180,000 คน

ปี 2011 : มีการเผยแพร่วิดีโอ Aftermovie ของ Tomorrowland ผ่านทาง YouTube จนเกิดเป็นกระแสโด่งดังในโลกอินเทอร์เน็ต 

ปี 2012 : หลังจากเป็นกระแสมากขึ้น Tomorrowland ขยายระยะเวลาการจัดแสดงเป็น 3 วัน เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงานกว่า 2 แสนคน 

ปี 2014 : Tomorrowland ต้องขยายระยะเวลาการจัดงานเป็น 3 วัน ใน 2 วันหยุดสุดสัปดาห์ (รวมเป็น 6 วัน) เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมกว่า 5 แสนคน และขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก 

ปี 2015 : Tomorrowland เริ่มขยายการจัดงานไปยังประเทศอื่น ๆ 

จุดเด่นที่หลายคนชื่นชอบใน Tomorrowland

นอกจากความสนุกสุดมันส์ของดนตรีแนว EDM แล้ว ความยิ่งใหญ่อลังการ ไลน์อัปศิลปินดีเจระดับต้น ๆ ของโลก และการแคมป์ปิ้ง ก็ยังเป็นอีกหนึ่งภาพจำที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ Tomorrowland โดยเวทีหลัก (Main Stage) มักมีการออกแบบให้ขนาดใหญ่ แฟนตาซี โดดเด่น และเข้ากับธีมในแต่ละปี ส่วนใหญ่จะเน้นธีมเทพนิยายเหนือจินตนาการ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วม เสมือนเราหลุดเข้าไปในโลกแห่งความแฟนตาซีเหนือจริง นอกจากนี้ยังได้ดีเจระดับแนวหน้ามาสร้างสรรค์เสียงเพลงภายในงาน อาทิ Skrillex, Alan Walker, Marshmello, David Guetta และ Tiësto เป็นต้น พูดง่าย ๆ คือ ถ้ามางาน Tomorrowland ก็การันตีที่จะได้พบกับดีเจระดับโลกอย่างแน่นอน 

แน่นอนว่าหากไทยสามารถจัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Tomorrowland ได้ เชื่อว่าผู้คนจากต่างประเทศน่าจะให้ความสนใจและสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงกระนั้นอาจต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในหลายส่วน เนื่องจาก Tomorrowland เป็นงานเทศกาลดนตรีที่ใหญ่และใช้พื้นที่ค่อนข้างเยอะ ประกอบกับคุณภาพเรื่องแสงสีเสียงที่ยังไม่รู้ว่าไทยพร้อมหรือไม่ ในการรองรับเทศกาลดนตรีสเกลระดับนี้

AUTHOR

ไม่ชอบคนข้างล่าง