การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี 2024 กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อีกไม่กี่วัน เราก็จะได้รู้กันแล้วว่าระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ กับ ‘กมลา แฮร์ริส’ ใครจะขึ้นมานั่งแท่นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ซึ่งในปีนี้วันเลือกตั้งจะตรงกับวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2024 และการกำหนดวันเลือกตั้งให้เป็นทุกวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน ได้ถูกกำหนดตายตัวเช่นนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว
ก่อนหน้านี้วันเลือกตั้งในแต่ละรัฐจะถูกกำหนดให้แตกต่างกันออกไป จนในปี 1845 ได้มีกฏหมายที่กำหนดวันเลือกตั้งให้เป็นวันเดียวกันทั้งประเทศ โดยในตอนแรกกฎหมายที่ว่านี้ถูกใช้กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเท่านั้น แต่ในเวลาต่อมาก็ถูกนำมาใช้กับการเลือกตั้งรัฐสภาด้วย ซึ่งสมัยก่อน สังคมสหรัฐฯ เป็นสังคมเกษตรกรรม ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้งปีไปกับการเพาะปลูก ดูแลพืชผล และเก็บเกี่ยวผลผลิต ดังนั้นต้นเดือนพฤศจิกายนจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพราะเป็นช่วงที่เกษตกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จ บวกกับเป็นช่วงที่ยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาว เพราะไม่เช่นนั้นการเดินทางก็จะยากลำบากขึ้นไปอีก
ส่วนเหตุผลที่ว่าแล้วทำไมต้องเป็นวันอังคาร? คำตอบก็คือ สองวันที่ถูกตัดออกจากตัวเลือกแน่ ๆ คือวันอาทิตย์กับวันพุธ เพราะชาวอเมริกันส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนและเคร่งศาสนา วันอาทิตย์จึงเป็นวันสำหรับการเข้าโบสถ์และถูกใช้ไปกับการพักผ่อน ส่วนวันพุธในหลาย ๆ พื้นที่จะมีตลาดนัด เกษตรกรต้องนำผลผลิตของตัวเองไปขายในเมือง นอกจากนี้ยังคลอบคลุมไปถึงเรื่องการเดินทางด้วย เพราะสมัยก่อนยังไม่มีรถยนต์ บางครั้งหน่วยเลือกตั้งที่ใกล้ที่สุดอาจจะอยู่ไกลไปอีกหลายไมล์ ดังนั้นหากผู้คนไม่สามารถใช้วันอาทิตย์หรือวันพุธในการเดินทางได้ วันเลือกตั้งก็ไม่ควรจะเป็นวันจันทร์หรือวันพฤหัสบดีเช่นกัน ดังนั้นวันที่ดูเหมือนจะเหมาะสมที่สุดก็ตกไปอยู่ที่วันอังคารอย่างไม่สามารถปฎิเสธได้
นอกจากนี้การกำหนดให้เป็น ‘วันอังคารหลังวันจันทร์แรก’ ในเดือนพฤศจิกายนก็เพราะไม่ต้องการให้ตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน เพราะถือว่าเป็นวันที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากคริสเตียนบางคนมองว่าเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints’ Day) ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา รวมถึงวันที่ 1 มักเป็นวันที่พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ทำบัญชี จึงอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นักหากต้องไปเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าวันอังคารจะถูกเลือกให้เป็นวันที่เหมาะสมที่สุด แต่ในปัจจุบันหลายคนอาจจะมองว่าเป็นอุปสรรคมากกว่า เพราะมีชาวอเมริกันไม่ถึง 2 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่ทำงานในภาคเกษตรกรรม และหลายคนมักจะทำงานในวันอังคารตลอดทั้งปี ทำให้การออกมาใช้สิทธิ์ก็ลดลงไปตามกาลเวลา บางคนจึงเสนอให้วันเลือกตั้งขยับไปเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่บางคนก็เสนอว่าไม่ต้องย้ายวันหรอกให้อยู่วันเดิมนี่แหละ แต่ต้องกำหนดให้เป็นวันหยุด และแม้ว่าความพยายามเหล่านั้นจะไม่สำเร็จ แต่การที่มีวิธีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าทางไปรษณีย์ได้ ทำให้วันเลือกตั้งนั้นไม่ได้มีความสำคัญเท่ายุคสมัยก่อนอีกต่อไป
อ้างอิง