Playing the Victim เล่นบทเหยื่อ

เมื่อก่อนคิดว่าคนจำพวกที่เวลาทะเลาะกับใครชอบแกล้งทุบตีตัวเองเพื่อเรียกคะแนนสงสาร หรือทำให้คนอื่นเข้าใจฝ่ายตรงข้ามผิด คงมีอยู่แค่ในละครน้ำเน่าหลังข่าวเท่านั้น ทว่ายิ่งเติบโตเรายิ่งพบเจอพวก “นักล่าชอบเล่นบทเหยื่อ” ในชีวิตจริงมากขึ้น ถึงแม้กลยุทธ์แบบนี้จะดูน่าขายหน้าและไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็ยังมีคนที่ชอบแสร้งเป็นผู้ถูกกระทำอยู่จริง ที่ตลกไปกว่านั้นคือ มันมีพวกที่ “เชื่อ” คนเหล่านี้อยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงและดูฉลาด (แต่มองหมาป่าในคราบลูกแกะไม่ออก) สุดท้ายพวกเล่นบทเหยื่อก็จะเดินเกมของตนเองจนสำเร็จ เพราะมีทั้งคนที่เชื่อและสนับสนุนการแสดงของพวกเขา

ความจริงแล้วกรณีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ในเชิงสังคมวิทยา “Playing the Victim” หรือการเล่นบทเหยื่อ เป็นกลยุทธ์การเอาตัวรอดในความขัดแย้งที่พบเจอได้บ่อยเกือบทุกที่ โดยผู้แสดงตนเป็นเหยื่อมักกุเรื่องหรือพูดเกินจริง เพื่อเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจผ่านการโยนบทผู้ร้ายให้คนอื่น หรือเบี่ยงเบนปัญหาออกจากตนเอง ซึ่งหลักการคล้ายกับ “Gaslighting” หรือการปลุกปั่นผู้คนอื่นให้รู้สึกหมดความเชื่อมั่นในตนเองแบบที่พวก Narcissist นิยมใช้ในการโต้เถียงกับผู้อื่น 

ทำไมต้องเล่นบทเหยื่อ?

คงเป็นเพราะพวกเขาเอาชนะด้วยวิธีอื่นไม่ได้แล้ว จึงเลือกใช้วิธีที่ดูน่าเวทนาที่สุด นั่นคือการยอมก้มหัวให้ดูเหมือนตัวเองเป็นผู้แพ้ เนื่องจากนิสัยโดยพื้นฐานของพวกที่นิยมเล่นบทเหยื่อมักไม่มีความรับผิดชอบในการกระทำหรือคำพูด คำนึงแต่ผลประโยชน์ของตนเอง และต้องการเรียกร้องความสนใจ ด้วยพื้นฐานทางความคิดเหล่านี้เองทำให้พวกเขาปัดความรับผิดชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน โดยการเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจจากผู้อื่น ซึ่งสาเหตุของพฤติกรรมเหล่านี้อาจมาจากการถูกเลี้ยงดูในวัยเด็ก หรือการพบเจอกับประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีต ทำให้หวาดกลัวการแบกรับความผิด หรือกลายเป็นจุดบกพร่อง เช่น อาจเคยโดนลงโทษหรือต่อว่าแรง ๆ เมื่อทำผิด 

สังเกตอย่างไรว่าใครกำลังเล่นบทเหยื่อ?

มันมีทั้งคนที่มองออกและมองไม่ออก นี่คือความน่ากลัวของ Playing the Victim คนที่มองออกส่วนใหญ่จะรู้มาก่อนแล้วว่าคนเหล่านี้ “ไม่ใช่คนดี” ในทางกลับกัน คนที่มองไม่ออกมักไม่รู้หรือไม่ทันสังเกตว่าแท้จริงแล้วคนเหล่านี้มีพฤติกรรมอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นพฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นบทเหยื่อก็พอจะสังเกตได้ดังนี้

  • ทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเองมักโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น
  • มีทัศนคติด้านลบ มองคนอื่นในแง่ร้าย
  • คิดว่าทุกคนเป็นศัตรู
  • รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่นไม่ได้ 
  • มักนินทาว่าร้ายลับหลังหรือตำหนิคนอื่นต่อหน้า
  • รับปากว่าจะปรับปรุงตัว แต่ไม่สามารถทำได้จริง 

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสงครามประสาทขนาดย่อม คือการที่พวกเล่นบทเหยื่อนั้นฉลาดและเจ้าเล่ห์ พวกเขารู้ว่าใครดูออก ส่วนใหญ่พวกเหยื่อจะเลือกกำจัดคนเหล่านี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อตัดพวกรู้เยอะออกไป และใช้คนเหล่านั้นเป็นเครื่องสังเวยบูชาตัวเองให้กลายเป็นบุคคลน่าสงสาร 

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการเล่นบทเหยื่อไม่ใช่ลักษณะนิสัยโดยกำเนิด มันเกิดขึ้นพร้อมกับปมปัญหาภายในใจที่ฝังลึกไว้ในตัวของบุคคลนั้น ๆ สิ่งที่อยากจะสื่อคือ นิสัยอันเป็นพิษภัยต่อสังคมนี้สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ หากคุณเป็นคนที่เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ ให้พึงคิดไว้ว่าลึก ๆ แล้วเขาคงไม่ได้อยากเติบโตมาเป็นคนแบบนี้ แต่หากคุณรู้ตัวว่าเป็นพวกชอบเล่นบทเหยื่อเสียเอง ให้คิดถึงใจเขาใจเราเป็นอันดับแรก ถ้าต้องการการยอมรับจากผู้อื่น วิธีที่ถูกคือเราต้องใจดีกับคนอื่นก่อน เพราะในสังคมอารยชนไม่จำเป็นต้องมีเหยื่อและผู้ล่าเหมือนในทุ่งหญ้าสะวันนา

ที่มา

AUTHOR

ไม่ชอบคนข้างล่าง