Flashbulb Memories คิดถึงแฟนเก่า

เมื่อความสัมพันธ์บางความสัมพันธ์จบลง บางคนอาจจะหันกลับมาโฟกัสที่ตัวเอง บางคนอาจจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ๆ หรือบางคนอาจจะเริ่มต้นทำโปรเจ็กต์อะไรใหม่ ๆ เพื่อย้ายโฟกัสไปไว้ที่อื่น แต่ก็มีบางคนที่ยังยึดติดอยู่กับความรักความสัมพันธ์ที่โรแมนติกในอดีต ทั้งที่มันก็จบลงไปสักระยะแล้ว และแน่นอนว่าในทางจิตวิทยาก็คงอธิบายบางสาเหตุได้ว่า ทำไมเราถึงยังจมอยู่กับอดีตและไม่ยอมปล่อยวางเรื่องราวเกี่ยวกับคนเก่าไปเสียที

ในบทความที่เขียนโดย ‘อลิสัน เอบรามส์’ (Allison Abrams) นักจิตบำบัดในนิวยอร์กได้สรุป 4 เหตุผลหลัก ๆ ของเรื่องนี้เอาไว้ และเหตุผลแรกสุดเลยก็คือ ‘การเลือกจำแต่สิ่งดี ๆ’ กล่าวคือ การที่เรายังคงยึดติดกับความสัมพันธ์เก่าที่จบไปนานแล้ว นั่นก็เพราะพอมันเป็นเรื่องของความรัก สมองของเราทำงานแบบเลือกจำ เราจะจำแต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและพยายามจะเลี่ยงความทรงจำที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเรา พอผ่านเวลาไปได้สักระยะก็มีแนวโน้มที่ทำให้เรามองความสัมพันธ์นั้น ๆ ดีเกินความเป็นจริง จนกลายเป็นภาพจำที่บิดเบี้ยว ความทรงจำของเรามักโฟกัสไปที่ช่วงเวลาสำคัญ ๆ ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ดี 

ช่วงเวลาที่อารมณ์ถูกกระตุ้นอย่างแรง อย่าง การจูบกันครั้งแรก การได้ใกล้ชิดกันครั้งแรก จิตแพทย์โรเจอร์ บราวน์ (Roger Brown, Ph.D) และเจมส์ คูลิก (James Kulik, Ph.D) เรียกห้วงเวลาเหล่านั้นว่าเป็น ‘Flashbulb Memories’ หรือช่วงเวลาที่อารมณ์ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงในขณะที่สมองกำลังบันทึกความทรงจำเหล่านั้น ส่งผลให้ช่วงเวลาเหล่านั้นถูกจดจำได้แบบชัด ๆ ราวกับภาพถ่าย ทั้งสองคนได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โอเค แม้ว่าความทรงจำเหล่านั้นจะชัดเจนและสดใสก็จริง แต่ก็ไม่น่าเชื่อถือเสมอไป เพราะในขณะเดียวกันรายละเอียดสำคัญ ๆ บางอย่าง อย่างเช่น เหตุผลที่ทำให้ความสัมพันธ์นี้มันจบลงอาจจะถูกลบเลือนไปจากความทรงจำได้อย่างง่ายดาย

และเหตุผลถัดมาก็คือ ‘การโหยหาอดีตที่เรียบง่าย’ ในบางครั้งการยึดติดกับคนเก่า ๆ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาทำให้เรานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เรียบง่าย ชีวิตไม่ได้มีข้อจำกัดหรือไม่ได้มีอะไรให้กังวลมากมายเฉกเช่นในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ความทรงจำเกี่ยวกับรักครั้งแรกหรือคนรักในช่วงมัธยม มันจะเป็นช่วงเวลาที่เราอายุน้อยกว่านี้ และในตอนนั้นภาระความรับผิดชอบหรือภาระทางด้านอารมณ์ของเราอาจจะไม่ได้มากมายขนาดนั้น 

ทีนี้พอเรามองย้อนไปถึงอดีตคนรัก เราดันไปเห็นช่วงชีวิตของเราที่เรียบง่าย อิสระ ไม่ได้มีอะไรให้กังวล และนั่นอาจจะเป็นวิธีที่เราใช้เยียวยาตัวเองด้วยการมองหาความสบายใจจากความทรงจำในอดีต ส่วนตัวเรามองว่า เหตุผลนี้จะคล้ายกับการที่แบรนด์สินค้าต่าง ๆ พยายามใช้เทคนิค Nostalgia Marketing หรือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ความโหยหาและคิดถึงอดีตเป็นเครื่องมือ เพราะช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกมีความสุขและสบายใจ ที่พอนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าตัวเองได้ถูกเยียวยาขึ้นมาบ้าง

เหตุผลต่อมาก็คือ ‘ความรู้สึกไม่สมบูรณ์ในชีวิตปัจจุบัน’ จริงอยู่ที่การหวนคิดถึงเรื่องในอดีตบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจจะสะท้อนให้เห็นว่าชีวิตตอนนี้กำลังขาดอะไรบางอย่างอยู่ บางทีเราอาจจะรู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิต และความทรงจำกับความสัมพันธ์ในอดีตอาจจะเข้ามาตอบสนองและเติมเต็มอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นให้กับเราได้ นั่นเป็นเพราะความทรงจำเหล่านี้สามารถมอบความสบายให้ได้ชั่วครั้งชั่วคราว ทั้งยังทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองยังสมบูรณ์อยู่ไม่ได้ขาดอะไร แต่เอบรามส์ก็ได้ย้ำว่า การใช้อดีตเพื่อตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ในปัจจุบันของเราอาจจะไม่ได้เวิร์ก การไปสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ อาจจะเป็นทางเลือกที่เวิร์กกว่า

เหตุผลสุดท้ายก็คือ ‘การต้องการบทสรุปในความสัมพันธ์ครั้งเก่า’ ในบางครั้งการที่เรายังยึดติดอยู่กับคนเก่าหรือความสัมพันธ์เก่า ๆ เพราะเรายังไม่ได้ ‘บทสรุป’ จากความสัมพันธ์นั้น ๆ เราอาจจะติดใจ มีคำถามค้างคา มีเรื่องที่อยากพูดแต่ไม่ได้พูด เราอาจจะรู้สึกว่าการได้เจอกันอีกสักครั้ง การได้คุยกันอีกสักหน อาจจะทำให้เราได้คลี่คลายปมที่ติดอยู่ในใจ เพื่อจบเรื่องนี้ และก้าวต่อไปได้ แต่เอบรามส์ก็ได้บอกว่า บทสรุปที่แท้จริงอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับอีกฝ่าย แต่เป็นตัวเราเองที่จะสรุปเรื่องนี้ด้วยการทำความเข้าใจเรื่องราวในอดีต หาวิธีรับมือกับมัน และก้าวต่อไป โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใครให้มาปิดฉากความสัมพันธ์นี้ให้กับเรา

อย่างไรก็ดี เรามองว่าทั้ง 4 เหตุผลที่เอบรามส์ได้พยายามอธิบายให้เราเข้าใจ สะท้อนให้เห็นการทำงานของสมอง การตอบสนองทางอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ที่มีต่อความทรงจำในอดีต มันทำให้เห็นภาพว่า ทำไมเรายังยึดติดและหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตอยู่บ้างบางที ซึ่งการคิดถึงอดีตเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่การจมอยู่กับมันอาจจะสร้างพลังงานเชิงลบให้กับเรา การอยู่กับปัจจุบันและโอบรับประสบการณ์ที่เข้ามาไปพร้อมกับการค่อย ๆ เติบโต อาจจะช่วยทำให้จิตใจและอารมณ์ของเราสมบูรณ์ขึ้นได้ โดยไม่ต้องหันกลับไปพึ่งพาความทรงจำในอดีตอีกต่อไป

อ้างอิง